Most Memorable Matches of EURO 2024

นัดที่น่าจดจำที่สุดของ EURO 2024

ในบทความนี้ เราจะย้อนกลับไปดู 5 นัดการแข่งขันที่น่าจดจำที่สุดของ EURO 2024 โดยเน้นช่วงเวลาสำคัญและนักเตะที่ส่องประกาย


5 นัดที่น่าจดจำที่สุดของ EURO 2024

นัดที่น่าจดจำที่สุดของ EURO 2024

EURO 2024 จะถูกจดจำด้วยการปะทะที่ดุเดือด การหักมุมที่คาดไม่ถึง และช่วงเวลาที่ไม่สามารถลืมเลือนได้ ซึ่งทำให้แฟนบอลต้องนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทัวร์นาเมนต์นี้เต็มไปด้วยการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของฟุตบอลยุโรป โดยมีประตูช่วงนาทีสุดท้าย การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ และความสามารถเฉพาะตัวที่น่าทึ่ง

1. ฝรั่งเศส vs สวิตเซอร์แลนด์

การแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในนัดที่น่าตื่นเต้นที่สุดของทัวร์นาเมนต์ เต็มไปด้วยดราม่า ประตู และการดวลจุดโทษที่ตึงเครียด

สวิตเซอร์แลนด์ขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 15 จากลูกโหม่งอันทรงพลังของ ฮาริส เซเฟโรวิช ฝรั่งเศสพยายามหาจังหวะในครึ่งแรก แต่ถูกสวิตเซอร์แลนด์ป้องกันได้อย่างเหนียวแน่น จนกระทั่งครึ่งหลัง ฝรั่งเศสเริ่มกลับมาได้ด้วยการยิงสองประตูติดกันของ คาริม เบนเซม่า ที่เปลี่ยนเกมให้ฝรั่งเศสนำ 2-1 และจากนั้น พอล ป็อกบา ยิงลูกยาวอันสวยงามทำให้ฝรั่งเศสนำ 3-1

แต่สวิตเซอร์แลนด์ไม่ยอมแพ้ เซเฟโรวิชยิงประตูที่สองให้กับสวิตเซอร์แลนด์ในนาทีที่ 81 และในนาทีที่ 90 มาริโอ กาฟราโนวิช ยิงประตูตีเสมออย่างงดงาม ทำให้เกมต้องยืดเยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษและการดวลจุดโทษ

สุดท้าย สวิตเซอร์แลนด์ชนะด้วยการยิงจุดโทษ 5-4 หลังจากที่ คีเลียน เอ็มบัปเป้ พลาดการยิงประตู นี่คือนัดที่ทำให้แฟนบอลทุกคนต้องจดจำ เพราะเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่ช็อกที่สุดของ EURO 2024

2. อิตาลี vs สเปน

รอบรองชนะเลิศระหว่างอิตาลีและสเปน เป็นเกมที่เต็มไปด้วยแท็คติกที่ซับซ้อน สะท้อนถึงสไตล์การเล่นที่แตกต่างกันของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป

สเปนครองบอลได้มากกว่า แต่เป็นอิตาลีที่ได้ประตูนำจากการยิงโค้งอย่างสวยงามของ เฟเดริโก้ เคียซ่า ในนาทีที่ 60 สเปนไม่ยอมแพ้และตีเสมอได้ในนาทีที่ 80 จากการประสานงานของ อัลบาโร่ โมราต้า ที่ยิงประตูอย่างยอดเยี่ยม ทำให้เกมต้องต่อเวลาพิเศษ

สุดท้าย เกมต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และอิตาลีก็สามารถชนะได้ด้วยสกอร์ 4-2 หลังจากที่ โมราต้า ยิงพลาด นี่คือการแข่งขันที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมทางแท็คติกและความนิ่งของทั้งสองทีม

3. อังกฤษ vs เดนมาร์ก

การพบกันในรอบรองชนะเลิศระหว่างอังกฤษและเดนมาร์ก เป็นคืนที่ประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปีที่อังกฤษผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้

เดนมาร์กขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 30 จากฟรีคิกที่สวยงามของ มิเกล ดัมส์การ์ด อังกฤษตีเสมอได้ในอีกเก้านาทีต่อมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ ซิมอน เคียร์ แต่หลังจากนั้น เกมยังคงสู้กันอย่างดุเดือด จนกระทั่งช่วงต่อเวลาพิเศษ อังกฤษได้จุดโทษที่มีการถกเถียงกันมาก และ แฮร์รี่ เคน ยิงประตูชัยให้อังกฤษชนะไป 2-1

เกมนี้จะถูกจดจำในเรื่องความเข้มข้นและความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็เป็นคืนที่อังกฤษได้ฉลองกับการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

4. เยอรมนี vs โปรตุเกส

เกมรอบแบ่งกลุ่มระหว่างเยอรมนีและโปรตุเกส เป็นการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยการทำประตูจากทั้งสองทีม

โปรตุเกสเริ่มต้นได้ดีด้วยการทำประตูนำจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในนาทีที่ 15 แต่เยอรมนีตอบกลับอย่างรุนแรงด้วยการยิงประตูเข้าตัวเองของ รูเบน ดิอาส และ ราฟาแอล แกร์เรโร่ ทำให้เยอรมนีนำไป 2-1 จากนั้นเยอรมนียังเสริมอีกสองประตูจาก ไค ฮาแวร์ตซ์ และ โรบิน โกเซ่นส์

เกมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความสามารถในการโจมตีของเยอรมนี และการเล่นของ โรบิน โกเซ่นส์ ที่เป็นกำลังสำคัญในชัยชนะของทีม

5. เนเธอร์แลนด์ vs สาธารณรัฐเช็ก

เกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่างเนเธอร์แลนด์และสาธารณรัฐเช็ก เป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่ช็อกที่สุดของทัวร์นาเมนต์ เมื่อสาธารณรัฐเช็กสามารถเอาชนะทีมเต็งอย่างเนเธอร์แลนด์ได้

เกมนี้เริ่มต้นอย่างสูสี จนกระทั่งในนาทีที่ 55 มัทไธส์ เดอ ลิกต์ ถูกไล่ออกจากสนาม ทำให้เนเธอร์แลนด์เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน สาธารณรัฐเช็กใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้และได้ประตูนำจาก ทอมาช โฮเลส ในนาทีที่ 68 ก่อนที่จะได้ประตูที่สองจาก พาทริก ชิค ในนาทีที่ 80 ซึ่งทำให้ความหวังของเนเธอร์แลนด์ต้องจบลง

ทอมาช โฮเลส เป็นนักเตะที่โดดเด่นในเกมนี้ ด้วยการทำประตูและการช่วยทีมให้ได้รับชัยชนะอย่างไม่คาดฝัน นี่คือตัวอย่างของความไม่แน่นอนในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่ทีมที่ไม่ได้เป็นตัวเต็งสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้

Similar Posts