ลูกฟรีคิกที่น่าจดจำที่สุดของลิโอเนล เมสซีในแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19
การแข่งขันที่เปี่ยมไปด้วยความดราม่า
ในคืนวันที่ 1 พฤษภาคม 2019 สนามคัมป์ นูได้กลายเป็นเวทีแห่งความมหัศจรรย์อีกครั้ง เมื่อบาร์เซโลนาเปิดบ้านต้อนรับลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศนัดที่สองของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2018/19 แม้ผลการแข่งขันในนัดนี้จะไม่เพียงพอให้บาร์เซโลนาเดินหน้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แต่ประตูหนึ่งที่เกิดขึ้นจากเท้าของลิโอเนล เมสซีก็ยังคงตราตรึงในความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลก
ประตูที่ 600: หมุดหมายที่สมบูรณ์แบบ
การยิงฟรีคิกของเมสซีในนัดนี้ถือเป็นประตูที่ 600 ของเขาในสีเสื้อบาร์เซโลนา ลูกยิงที่ออกมาจากตำแหน่งกลางสนามถูกบรรจงปั่นโค้งผ่านกำแพงผู้เล่นลิเวอร์พูลก่อนจะพุ่งเข้าสู่มุมบนของตาข่ายที่อลิสซอน เบ็คเกอร์ นายทวารฝีมือดีของลิเวอร์พูลไม่อาจป้องกันได้
เมสซีแสดงให้เห็นถึงความแม่นยำและทักษะระดับสูงที่ทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอล แม้ว่าเกมนี้จะจบลงด้วยความผิดหวังของบาร์เซโลนา แต่แฟนบอลทั่วโลกต่างยอมรับว่าประตูนี้เป็นการยิงฟรีคิกที่สวยงามและเต็มไปด้วยความหมาย
ความรู้สึกของเมสซีหลังเกม
“ผมพยายามยิงเหมือนที่ผมทำกับลูกฟรีคิกทุกครั้ง” เมสซีกล่าวในการสัมภาษณ์กับ UEFA.com ในช่วงต้นฤดูกาลถัดมา “ลูกนี้อยู่ไกลกว่าที่ผมคุ้นเคย ผมต้องใส่พลังเข้าไปมากกว่าปกติ และในที่สุดมันก็เป็นไปตามที่ผมต้องการ”
เขายังกล่าวเพิ่มเติมถึงความสำคัญของประตูนี้ว่า “การยิงลูกฟรีคิกไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องอาศัยทั้งการฝึกซ้อมและโชค และในครั้งนั้นทุกอย่างลงตัวจนมันกลายเป็นประตูแห่งความทรงจำ”
เสน่ห์ของลูกฟรีคิกที่ไม่เคยจางหาย
ลูกฟรีคิกของเมสซีในนัดนี้ได้รับการยกย่องจากทั้งผู้เชี่ยวชาญและแฟนบอลว่าเป็นผลงานชิ้นเอก ไม่เพียงแต่จะได้รับการโหวตให้เป็นประตูแห่งฤดูกาลในปี 2019/20 แต่ยังถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในลูกยิงฟรีคิกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของแชมเปียนส์ลีก
นักวิเคราะห์ฟุตบอลหลายคนระบุว่าการยิงฟรีคิกของเมสซีนั้นมีเอกลักษณ์ที่ยากจะเลียนแบบ ทั้งการวางเท้า การเลือกมุมยิง และความสามารถในการอ่านสถานการณ์ ทำให้ลูกยิงของเขามีทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพ
ความสำคัญของค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์
แม้ว่าบาร์เซโลนาจะไม่ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในฤดูกาลนั้น แต่ประตูนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเลิศและความสามารถของลิโอเนล เมสซี มันไม่ได้เป็นเพียงประตูธรรมดา แต่เป็นการแสดงถึงความมุ่งมั่นและความพยายามของนักเตะที่ไม่เคยหยุดพัฒนา
ลูกฟรีคิกครั้งนี้ไม่เพียงแต่เติมเต็มความทรงจำของแฟนบอลบาร์เซโลนา แต่ยังเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ทำให้ชื่อของลิโอเนล เมสซีถูกจารึกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอย่างไม่มีวันลบเลือน