รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2020: พื้นหลัง
บทนำ: การแข่งขันครั้งประวัติศาสตร์ที่ถูกจับตา
ในปี 2020 ศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ได้กลายเป็นการแข่งขันที่ทุกสายตาจับจ้อง ด้วยการเผชิญหน้าของสองทีมยักษ์ใหญ่อย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาเยิร์น มิวนิค การแข่งขันครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแย่งชิงความเป็นเจ้าสโมสรฟุตบอลยุโรป แต่ยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์ ความมุ่งมั่น และความยิ่งใหญ่ของทั้งสองทีมที่มีการเดินทางที่น่าทึ่งสู่รอบชิงนี้
ประวัติศาสตร์ของปารีส แซงต์-แชร์กแมง: จากฝันสู่ความจริง
ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกของสโมสร พวกเขากลายเป็นทีมฝรั่งเศสทีมที่ห้าที่ได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และถือเป็นทีมที่ 41 โดยรวมของการแข่งขัน ในเส้นทางนี้ PSG ได้เล่นในถ้วยยุโรปมากถึง 110 นัด ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับทีมที่เข้าสู่รอบชิงเป็นครั้งแรก ทำลายสถิติเดิมของ อาร์เซนอล ที่เคยทำไว้ 90 นัดก่อนเข้าชิงในปี 2006
นี่เป็นครั้งแรกที่มีทีมฝรั่งเศสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศนับตั้งแต่ โมนาโก ในปี 2004 และทีมฝรั่งเศสที่เคยคว้าชัยในรายการนี้มีเพียง มาร์กเซย ซึ่งทำได้ในปี 1993 สำหรับ PSG พวกเขาเคยมีประสบการณ์ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1996 ที่คว้าชัยชนะเหนือราปิดเวียนนา 1–0 และในปี 1997 ที่พ่ายแพ้ให้กับบาร์เซโลนาในความพยายามป้องกันแชมป์
PSG มุ่งหน้าสู่รอบชิงครั้งนี้ด้วยความหวังที่จะกลายเป็นทีมฝรั่งเศสทีมแรกที่คว้า ทริปเปิลแชมป์ ระดับทวีป พวกเขาได้รับแชมป์ ลีกเอิง จากการคำนวณค่าเฉลี่ยคะแนนหลังฤดูกาลถูกยกเลิกเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และยังคว้าแชมป์ เฟรนช์คัพ คูป เดอ ลา ลีก และ โทรฟี เดส์ ช็องปิยง ซึ่งรวมถึงสี่ถ้วยรางวัลในประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บาเยิร์น มิวนิค: ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปกับการล่าทริปเปิลแชมป์ครั้งที่สอง
ทางด้าน บาเยิร์น มิวนิค สโมสรชื่อดังจากเยอรมนี พวกเขาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 11 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เทียบเท่ากับ เอซี มิลาน และรองจาก เรอัล มาดริด ที่ทำได้ถึง 16 ครั้ง บาเยิร์นเคยครองแชมป์ถ้วยนี้ถึง 5 ครั้งในปี 1974, 1975, 1976, 2001 และ 2013 โดยครั้งล่าสุดคือการเอาชนะคู่ปรับอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2–1 ในรอบชิง
ทีมเสือใต้ยังเคยคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1967 และแชมป์ยูฟ่าคัพในปี 1996 พวกเขาเดินหน้าสู่รอบชิงชนะเลิศปี 2020 ด้วยสถิติที่ยอดเยี่ยม ชนะติดต่อกัน 20 นัด และไม่แพ้ใครตลอดปี 2020 จากการลงสนาม 29 นัด นอกจากนี้ บาเยิร์นยังทำลายสถิติด้วยการยิงประตูมากถึง 42 ลูกใน 10 นัดก่อนถึงรอบชิง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยสูงถึง 4.2 ประตูต่อเกม
การเผชิญหน้าที่น่าจับตามอง: ความเป็นมาของทั้งสองทีม
การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นการพบกันครั้งที่เก้าของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ บาเยิร์น มิวนิค โดย PSG มีชัยชนะ 5 ครั้ง ส่วนบาเยิร์นชนะ 3 ครั้ง การพบกันก่อนหน้านี้ทั้งหมดอยู่ในรอบแบ่งกลุ่มของแชมเปียนส์ลีก โดยล่าสุดในฤดูกาล 2017–18 PSG เอาชนะบาเยิร์น 3–0 ในบ้าน ขณะที่บาเยิร์นกลับมาชนะ 3–1 ในนัดถัดไป
สถิติที่น่าทึ่งและดาวเด่นของการแข่งขัน
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี หัวหอกของบาเยิร์นสร้างผลงานอันน่าประทับใจในฤดูกาลนี้ ด้วยการยิง 15 ประตูจาก 9 นัด ซึ่งเกือบทำลายสถิติการยิงประตูสูงสุดในฤดูกาลเดียวของ คริสเตียโน โรนัลโด ที่เคยทำได้ 17 ประตูในฤดูกาล 2013–14 เลวานดอฟสกีและ แซร์จ นาบรี ยังสร้างสถิติการทำประตูคู่หูที่มากที่สุดในฤดูกาลเดียวด้วยจำนวน 24 ประตู
การเผชิญหน้าของสองผู้จัดการทีมเยอรมัน
การแข่งขันครั้งนี้ยังเป็นการดวลกันระหว่างผู้จัดการทีมเยอรมันสองคน นั่นคือ โธมัส ทูเคิล ของ PSG และ ฮันซี่ ฟลิค ของบาเยิร์น โดยเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ที่ผู้จัดการทีมจากเยอรมนีสองคนเผชิญหน้ากันในรอบชิง ต่อจากปี 2013 ที่ เจอร์เกน คล็อปป์ พบกับ จุปป์ ไฮน์เกส
บทสรุปของศึกแห่งเกียรติยศ
การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการชิงถ้วยแชมเปียนส์ลีก แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ของสองทีมที่ยิ่งใหญ่แห่งยุโรป ด้วยประวัติศาสตร์ สถิติ และความมุ่งมั่นที่แสดงให้เห็น การพบกันของ PSG และบาเยิร์นในปี 2020 จะเป็นตำนานที่ถูกจดจำไปอีกนานในโลกฟุตบอล