แมนเชสเตอร์ซิตี้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2023
ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก้าวขึ้นสู่การเป็นทีมชั้นนำของยุโรปด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยชัยชนะครั้งนี้ทำให้ซิตี้กลายเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่ได้แชมป์รายการนี้นับตั้งแต่เชลซีในปี 2012 ซิตี้เป็นทีมจากอังกฤษทีมที่หกที่สามารถคว้าถ้วยยูโรเปียน คัพ นับเป็นครั้งที่ 15 ที่สโมสรจากอังกฤษประสบความสำเร็จในศึกนี้ และทำให้ซิตี้กลายเป็นทีมที่ 23 ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ
การคว้าสามแชมป์ระดับทวีป ตอกย้ำความยิ่งใหญ่
ไม่เพียงแค่แชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่ซิตี้ยังคว้าสามแชมป์ระดับทวีปในฤดูกาลเดียว ซึ่งประกอบด้วยแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ และแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กลายเป็นทีมที่ 8 ของยุโรปและเป็นทีมจากอังกฤษทีมที่สองที่สามารถทำได้ต่อจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1998-99 เท่านั้น การคว้าสามแชมป์ในฤดูกาลนี้ทำให้ซิตี้กลายเป็นสโมสรที่ 11 ที่สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้โดยไม่แพ้ใคร ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ
เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมผู้ยิ่งใหญ่
เป๊ป กวาร์ดิโอลา ผู้จัดการทีมซิตี้ นับว่าเป็นกุญแจสำคัญของความสำเร็จนี้ กวาร์ดิโอลาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเป็นครั้งที่สามในฐานะผู้จัดการทีม โดยสองครั้งแรกเขาพาบาร์เซโลนาคว้าแชมป์ในปี 2009 และ 2011 การคว้าชัยครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมที่มีสถิติชนะเลิศเป็นอันดับสอง รองจากคาร์โล อันเชล็อตติเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่สามารถพาทีมคว้าสามแชมป์ยุโรปได้ถึงสองครั้ง ซึ่งครั้งแรกเขาทำได้กับบาร์เซโลนาในฤดูกาล 2008–09 โดยหลังจบการแข่งขัน กวาร์ดิโอลาได้กล่าวว่า “นี่เป็นเสมือนโชคชะตาที่กำหนดให้เราคว้าชัยชนะในปีนี้ — และเราทำได้สำเร็จ”
ผู้เล่นดาวเด่นที่สร้างสถิติ
ในเกมรอบชิงชนะเลิศ โรดรี มิดฟิลด์ของทีมเป็นผู้ทำประตูชัยเพียงประตูเดียว ทำให้เขาได้รับการยกย่องเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของยูฟ่า ขณะที่ผู้รักษาประตูสำรอง สก็อตต์ คาร์สัน เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวในทีมซิตี้ที่เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกมาก่อน โดยเขาเคยคว้าแชมป์ในฐานะผู้เล่นสำรองกับลิเวอร์พูลในปี 2005 ณ สนามเดียวกัน ทำให้เขาทำสถิติการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ห่างกันยาวนานที่สุด เทียบเท่ากับเปาโล มัลดินี และอเลสซานโดร คอสตาคูร์ตา ของเอซี มิลาน
ฮูเลียน อัลวาเรซ กองหน้าชาวอาร์เจนตินา ที่พาทีมชาติอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกปี 2022 กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่สามารถคว้าสามแชมป์และแชมป์โลกในฤดูกาลเดียวกัน ซึ่งเขายังเป็นผู้เล่นคนที่ 10 ที่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกและแชมป์โลกได้ในชีวิตนักเตะ
บทบาทใหม่ในเวทีโลก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เพียงแค่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกเท่านั้น แต่ยังได้สิทธิ์เข้าแข่งขันในรายการสำคัญอื่น ๆ อีก โดยพวกเขาจะได้เข้าร่วมศึกยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ปี 2023 ที่พบกับเซบียา สโมสรจากสเปน ที่คว้าแชมป์ยูโรปาลีกในปีเดียวกัน ซึ่งซิตี้เอาชนะเซบียาในการดวลจุดโทษหลังจากเสมอกัน 1-1 และยังได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพทั้งสองทัวร์นาเมนต์ในปี 2023 และ 2025 โดยทัวร์นาเมนต์ปี 2023 จะมีทั้งหมด 7 ทีม ขณะที่ปี 2025 จะขยายเป็นการแข่งขันแบบ 32 ทีม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของทีมในเวทีโลก
ความสำเร็จที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการฟุตบอลยุโรป
นอกจากความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แล้ว ฤดูกาลนี้ยังได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ โดยทีมจากอิตาลีกลายเป็นทีมแรกที่แพ้ในรอบชิงของทุกรายการใหญ่ของยูฟ่าในฤดูกาลเดียวกัน โดยอินเตอร์ มิลานแพ้ในแชมเปียนส์ลีก ส่วนโรมาและฟิออเรนตินาแพ้ในรอบชิงชนะเลิศของยูโรปาลีกและยูโรปาคอนเฟอเรนซ์ลีกตามลำดับ ความพ่ายแพ้นี้ทำให้วงการฟุตบอลอิตาลีต้องทบทวนและปรับปรุงศักยภาพของตนเอง เพื่อที่จะกลับมาแข็งแกร่งในการแข่งขันระดับยุโรป
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ก้าวขึ้นเป็นทีมที่ครองความสำเร็จในยุโรป โดยการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในครั้งนี้ได้เป็นเหมือนการยืนยันถึงความสำเร็จที่ทีมและแฟนบอลรอคอยมานาน ซึ่งเรื่องราวของพวกเขาจะยังคงเป็นบทบันทึกที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลต่อไป