การแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024 รอบชิงชนะเลิศ: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทีมดังจากเยอรมนี สามารถสร้างปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองได้อีกครั้งด้วยการทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 2024 หลังจากที่ห่างหายจากรอบนี้มานานถึง 11 ปี แฟนบอลทั่วโลกต่างตื่นเต้นกับการผจญภัยของดอร์ทมุนด์ในการแข่งขันระดับสูงสุดของยุโรป ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ติดตามวงการฟุตบอล การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ตึงเครียด ดราม่า และชัยชนะที่น่าจดจำจนกลายเป็นที่กล่าวถึงของแฟนบอลทั่วโลก
การเดินทางของดอร์ทมุนด์: เริ่มต้นจากความท้าทายใน “กลุ่มแห่งความตาย”
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2023–24 โดยการจบอันดับสองในบุนเดสลีกา นับเป็นการกลับมาในแชมเปียนส์ลีกที่แฟนๆ ตั้งตารอ และพวกเขาเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการถูกจับอยู่ในกลุ่ม F ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “กลุ่มแห่งความตาย” เพราะต้องเผชิญหน้ากับแชมป์ลีกเอิง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, ทีมอันดับ 4 ของเซเรียอา เอซี มิลาน และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ทีมที่กลับมาเล่นแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในรอบหลายปี
นัดเปิดสนามที่กรุงปารีสเป็นการเปิดฉากที่ไม่ง่ายสำหรับดอร์ทมุนด์ พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ 0–2 โดยปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่นำทีมโดยซูเปอร์สตาร์อย่างคีเลียน เอ็มบัปเป้ และอัชราฟ ฮาคิมี แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยความผิดหวัง แต่ดอร์ทมุนด์ยังคงรักษาความหวังและขวัญกำลังใจไว้ได้
กลับมาที่สนามเวสท์ฟาเลินสตาดิโยน ดอร์ทมุนด์พบกับเอซี มิลาน แต่ทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูกันได้ จบลงด้วยผลเสมอ 0–0 แม้ว่าจะยังไม่ชนะ แต่ผลเสมอนี้ช่วยให้ดอร์ทมุนด์เริ่มสร้างแรงผลักดัน
การเดินทางในกลุ่ม F เริ่มพลิกผันในนัดที่สาม ดอร์ทมุนด์สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ในการบุกไปเยือนนิวคาสเซิล โดยได้ประตูจากเฟลิกซ์ เอ็นเมชา ช่วยให้ดอร์ทมุนด์เก็บ 3 แต้มสำคัญ ต่อมาในนัดที่สี่ พวกเขาเอาชนะนิวคาสเซิลอีกครั้งในบ้าน 2–0 โดยนิคลาส ฟึลครุก และจูเลียน บรันด์ท ทำประตูสำคัญ ทำให้ดอร์ทมุนด์เริ่มเห็นแสงสว่างในการเข้ารอบ
ดอร์ทมุนด์ยังคงแสดงความสามารถได้อย่างน่าประทับใจในการเยือนเอซี มิลานที่สนามซาน ซิโร พวกเขาเก็บชัยชนะ 3–1 จากประตูของมาร์โก รอยส์, เจมี บินโญ-กิตเทนส์ และคาริม อาเดเยมี แม้ว่าจะโดนตีเสมอชั่วคราวโดยซามูเอล ชุคเวเซ่ แต่ดอร์ทมุนด์ยังคงรักษาเกมรุกได้อย่างดีเยี่ยม ปิดฉากการรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเสมอ 1–1 กับปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่สนามเวสท์ฟาเลินสตาดิโยน ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย
รอบน็อกเอาท์: เส้นทางที่เต็มไปด้วยดราม่า
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ดอร์ทมุนด์ต้องพบกับทีมพีเอสวี ไอนด์โฮเฟนของเนเธอร์แลนด์ ในนัดแรกที่สนามฟิลิปส์ สตาดิโอน เกมจบลงด้วยผลเสมอ 1–1 โดยดอนเยลล์ มาเลน และลูก เดอ ยอง เป็นผู้ทำประตูของทั้งสองฝ่าย จากนั้นในการแข่งขันนัดที่สอง ดอร์ทมุนด์เอาชนะพีเอสวีได้ 2–0 โดยมีเจดอน ซานโช และมาร์โก รอยส์ ทำประตูให้ดอร์ทมุนด์ชนะไปด้วยสกอร์รวม 3–1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย
รอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นการแข่งขันที่ดราม่าสุดๆ เมื่อดอร์ทมุนด์เจอกับแอตเลติโก มาดริด ทีมจากสเปน ในการเดินทางไปเยือนสนามเมโทรโปลิตาโน ดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้ไป 1–2 แต่ประตูของเซบาสเตียน อัลแลร์ ในช่วงท้ายช่วยรักษาความหวังในการเข้ารอบ กลับมาที่บ้าน ดอร์ทมุนด์สามารถสร้างความฮือฮาด้วยการเอาชนะ 4–2 รวมสกอร์ชนะไป 5–4 โดยมีจูเลียน บรันด์ท, เอียน มาสเซน, นิคลาส ฟึลครุก และมาร์เซล ซาบิตเซอร์ ทำประตูสำคัญ ทำให้ดอร์ทมุนด์ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
รอบรองชนะเลิศ: การปะทะครั้งที่สองกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ในรอบรองชนะเลิศ ดอร์ทมุนด์ต้องเผชิญกับปารีส แซงต์-แชร์กแมงอีกครั้ง ในการเจอกันครั้งนี้ ทั้งสองทีมต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่จะคว้าชัยชนะ ในนัดแรกที่สนามเวสท์ฟาเลินสตาดิโยน ดอร์ทมุนด์เอาชนะไป 1–0 จากประตูของนิคลาส ฟึลครุก ส่วนในนัดที่สองที่สนามปาร์ก เดส์ แปรงซ์ ฮุมเมลส์ทำประตูเดียวของการแข่งขัน ทำให้ดอร์ทมุนด์เอาชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมงด้วยสกอร์รวม 2–0 และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้สำเร็จ
การกลับมาของดอร์ทมุนด์: การรอคอยที่คุ้มค่า
การผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาครั้งใหญ่ของดอร์ทมุนด์ หลังจากที่พวกเขาห่างหายจากการเข้าชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาตั้งแต่ปี 2013 ตอนนั้นดอร์ทมุนด์พ่ายแพ้ให้กับบาเยิร์น มิวนิคในการแข่งขันอันดุเดือด และครั้งนี้พวกเขาตั้งเป้าที่จะคว้าชัยชนะให้ได้เพื่อนำความสำเร็จกลับสู่สโมสร การเดินทางในฤดูกาลนี้ไม่เพียงแค่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของทีม แต่ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรับมือกับความท้าทายในการแข่งขันกับทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป
สิ่งที่รออยู่ในรอบชิงชนะเลิศ
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ได้เดินทางผ่านเส้นทางที่ยากลำบากเพื่อมาถึงจุดนี้ และรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024 จะเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ไม่ว่าจะเป็นแฟนบอลดอร์ทมุนด์หรือแฟนบอลจากทั่วโลก นี่เป็นโอกาสของดอร์ทมุนด์ในการสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง ความฝันที่จะชูถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกำลังใกล้เข้ามา และผู้เล่นทุกคนต่างก็รู้ว่าชัยชนะในครั้งนี้จะเป็นการยืนยันถึงการเป็นทีมที่ดีที่สุดในยุโรปอย่างแท้จริง