2024 ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ: สโมสรเรอัล มาดริด
ในฐานะที่เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เรอัล มาดริดได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งในฤดูกาลนี้ โดยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปหลังจากเส้นทางที่น่าตื่นเต้น ตั้งแต่เริ่มต้นของฤดูกาลที่แสนเข้มข้นนี้ เรอัล มาดริดได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถในการแข่งขันในระดับสูงที่สุด โดยพวกเขาเริ่มต้นด้วยการผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มในฐานะรองแชมป์ลาลีกา 2022–23
ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับนาโปลี, บรากา และยูเนี่ยน เบอร์ลิน ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ท้าทายแต่ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถของทีมราชันชุดขาว มาดริดจบการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มด้วยผลงานที่น่าทึ่ง โดยไม่พลาดเก็บชัยชนะในทั้ง 6 นัด ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของทีม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสนามที่ซานติอาโก เบร์นาเบว พบยูเนี่ยน เบอร์ลิน ที่ได้ประตูจากจูด เบลลิงแฮมในช่วงท้ายเกม ทำให้คว้าชัยไป 1–0
และไม่เพียงเท่านั้น ในแมตช์ที่สองที่บุกไปเยือนนาโปลีที่สนามดิเอโก อาร์มานโด มาราโดนา มาดริดยังสามารถคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 3–2 โดยมีวินิซิอุส จูเนียร์ และเบลลิงแฮมเป็นผู้ทำประตูสำคัญ ซึ่งการมีส่วนร่วมของดาวรุ่งอย่างเบลลิงแฮม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ต้องจับตามองในอนาคต นอกจากนี้ทีมยังสร้างความประทับใจด้วยชัยชนะ 4–2 ที่บ้านเหนือนาโปลี ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยอดเยี่ยมของนักเตะในทีม
เมื่อเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เรอัล มาดริดถูกจับให้พบกับ RB ไลป์ซิก จากเยอรมัน ในเลกแรกที่เรดบูลล์ อารีนา มาดริดทำประตูเดียวจากบราฮิมและเอาชนะไป 1–0 ทำให้พวกเขาเข้าไปในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งพวกเขาต้องเจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า โดยเป็นการพบกันในรอบนี้เป็นฤดูกาลที่สามติดต่อกัน และไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อเกมเลกแรกที่ซานติอาโก เบร์นาเบวจบลงด้วยการเสมอ 3–3 โดยมีโชว์การทำประตูที่น่าตื่นเต้นจากทั้งสองฝ่าย
ในเลกที่สองที่ซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ มาดริดยังคงโชว์ฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และเมื่อถึงช่วงดวลจุดโทษ ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ต้องผิดหวังเมื่อผู้รักษาประตูอันดรีย์ ลูนนินสามารถเซฟจุดโทษสำคัญได้ถึงสองลูก ในขณะที่อันโทนิโอ รูดิเกอร์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเมื่อทำประตูชัยให้มาดริดผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
การพบกันกับบาเยิร์น มิวนิคในรอบรองชนะเลิศถือเป็น “เอล คลาสิโก ยุโรป” ที่แฟนบอลรอคอยอย่างมาก โดยในเลกแรกที่อัลลิอันซ์ อารีนา ทั้งสองทีมสามารถทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้จบลงด้วยผลเสมอ 2–2 หลังจากนั้นในเลกที่สองที่ซานติอาโก เบร์นาเบว โจเซลูทำประตูในช่วงท้ายเกมช่วยให้เรอัล มาดริดคว้าชัยชนะไปด้วยสกอร์ 2–1 โดยรวมผลการแข่งขัน 4–3 ทำให้พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่หกในสิบปี
รอบชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก 2024 จะถือเป็นนัดสุดท้ายในอาชีพของโทนี โครส ซึ่งเป็นหนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในยุคนี้ โดยแฟน ๆ ต่างรอคอยที่จะเห็นเขาเดินลงสนามเป็นครั้งสุดท้ายในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสรฟุตบอล พร้อมทั้งหวังว่าการทำงานร่วมกันของทีมในปีนี้จะสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง และนำถ้วยแชมป์กลับบ้านได้อีกครั้ง ซึ่งจะเพิ่มประวัติศาสตร์และความยิ่งใหญ่ของสโมสรเรอัล มาดริดต่อไปในอนาคต