โค้ชยุทธวิธีเยี่ยมในยูโร 2012

โค้ชยุทธวิธีเยี่ยมในยูโร 2012

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 หรือ ยูโร 2012 ไม่เพียงแต่เป็นเวทีที่แสดงความสามารถของนักเตะในสนาม แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงความสามารถทางยุทธวิธีของโค้ชที่อยู่ข้างสนาม โค้ชชั้นนำของยูโร 2012 อย่าง บิเซนเต้ เดล บอสเก, เชซาเร่ ปรันเดลลี, เปาโล เบนโต, โยอาคิม เลิฟ และ สลาเวน บิลิช ต่างมีบทบาทสำคัญในการพาทีมของพวกเขาไปสู่ความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้


โค้ชยอดเยี่ยมในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012

สุดยอดโค้ชแห่งศึก EURO 2016, โค้ชยุทธวิธีเยี่ยมในยูโร 2012

ยูโร 2012 เต็มไปด้วยความยอดเยี่ยมทางยุทธวิธี นวัตกรรม และการเป็นผู้นำที่ได้รับแรงบันดาลใจจากข้างสนาม

เบื้องหลังทีมที่ประสบความสำเร็จทุกทีมย่อมมีโค้ชที่ไม่เพียงแค่คิดกลยุทธ์ แต่ยังต้องกระตุ้นนักเตะและตัดสินใจสำคัญในเกม ในยูโร 2012 โค้ชหลายคนได้แสดงความสามารถในการพาทีมประสบความสำเร็จด้วยความชำนาญทางยุทธวิธีที่เฉียบแหลม

บทความนี้จะพาไปสำรวจ 5 โค้ชที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในยูโร 2012 และวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่พวกเขามีต่อการแข่งขัน

1. บิเซนเต้ เดล บอสเก (สเปน)

บิเซนเต้ เดล บอสเก (สเปน)

บิเซนเต้ เดล บอสเก สร้างตำนานให้กับตัวเองในฐานะหนึ่งในโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการพาทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยูโร 2012 ทำให้เขาเป็นโค้ชคนเดียวที่ชนะทั้งฟุตบอลโลก (2010), แชมป์ยุโรป และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

ความเฉียบแหลมทางยุทธวิธีของเดล บอสเกเห็นได้ชัดเจนตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยสเปนสามารถครองบอลและเล่นในสไตล์ “ติกิ-ตาก้า” ที่เน้นการครองบอลและการผ่านบอลอย่างแม่นยำ

การใช้ระบบ False Nine ที่ไม่มีกองหน้าตัวเป้าแบบดั้งเดิม เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางยุทธวิธีที่ทำให้สเปนโดดเด่นในยูโร 2012 และในนัดชิงชนะเลิศกับอิตาลี การใช้ เชส ฟาเบรกัส ในตำแหน่ง False Nine ส่งผลให้สเปนชนะ 4-0

ความเป็นผู้นำของเดล บอสเก ความยืดหยุ่นทางยุทธวิธี และความสามารถในการจัดการนักเตะระดับโลก ทำให้เขาเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยูโร 2012

2. เชซาเร่ ปรันเดลลี (อิตาลี)

เชซาเร่ ปรันเดลลี ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในยูโร 2012 โดยพาทีมชาติอิตาลีเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แม้ว่าจะเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วยความคาดหวังที่ไม่สูงนัก

ปรันเดลลีมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนแท็กติก และเขาได้นำเสนอสไตล์การเล่นที่เน้นเกมรุกมากกว่าระบบ คาเตนัคโช แบบดั้งเดิมของอิตาลี

การใช้แผน 3-5-2 ซึ่งมีวิงแบ็กคอยเสริมเกมรุก และให้ อันเดรีย ปิร์โล่ คอยควบคุมเกมในแดนกลาง ทำให้อิตาลีสามารถเล่นฟุตบอลที่สวยงามและมีประสิทธิภาพ

การเอาชนะเยอรมนี 2-1 ในรอบรองชนะเลิศ ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่น่าประทับใจที่สุดของปรันเดลลี แม้ว่าอิตาลีจะพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ แต่การวางแผนการเล่นของเขายังคงได้รับการยกย่อง

3. เปาโล เบนโต (โปรตุเกส)

เปาโล เบนโต โค้ชของทีมชาติโปรตุเกส ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในยูโร 2012 โดยพาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศก่อนจะแพ้ให้กับสเปนในการดวลจุดโทษ

การจัดระบบเกมรับที่มีวินัยเป็นหัวใจสำคัญในการพาโปรตุเกสประสบความสำเร็จ เบนโตใช้ระบบ 4-3-3 โดยมีแนวรับที่แข็งแกร่งและแนวรุกที่ยืดหยุ่น นำโดย คริสเตียโน โรนัลโด

การสร้างทีมโดยมีโรนัลโดเป็นศูนย์กลางได้ผลดี โดยโรนัลโดทำประตูสำคัญได้หลายครั้ง รวมถึงประตูชัยในเกมกับสาธารณรัฐเช็กในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

4. โยอาคิม เลิฟ (เยอรมนี)

โยอาคิม เลิฟ โค้ชของทีมชาติเยอรมนี ยังคงเป็นที่ยอมรับในฐานะโค้ชที่มีความสามารถในการวางแผนการเล่นแบบล้ำหน้า โดยในยูโร 2012 เลิฟพาทีมเยอรมนีเล่นฟุตบอลที่เน้นการบุกและการกดดันสูง

การใช้ระบบ 4-2-3-1 ของเลิฟทำให้เยอรมนีสามารถครองบอลได้และสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากมาย

แม้ว่าเยอรมนีจะพ่ายแพ้ให้กับอิตาลีในรอบรองชนะเลิศ แต่เลิฟยังคงได้รับการยกย่องในฐานะหนึ่งในโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยูโร 2012

5. สลาเวน บิลิช (โครเอเชีย)

สลาเวน บิลิช โค้ชทีมชาติโครเอเชีย ได้รับการยกย่องอย่างมากจากการวางแผนการเล่นและการเป็นผู้นำในยูโร 2012 แม้ว่าทีมของเขาจะไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้

โครเอเชียอยู่ในกลุ่มที่ยากลำบากร่วมกับสเปนและอิตาลี แต่แผนการเล่นของบิลิชทำให้ทั้งสองทีมต้องเจอกับความท้าทาย

โครเอเชียเปิดตัวด้วยชัยชนะ 3-1 เหนือสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และเกือบสร้างความประหลาดใจในเกมสุดท้ายกับสเปน แม้จะแพ้ไปอย่างหวุดหวิด 1-0


โค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยูโร 2012

โค้ชเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการวางแผน การปรับตัว และความเป็นผู้นำในการพาทีมประสบความสำเร็จในระดับสูงสุด

ความยืดหยุ่นทางยุทธวิธีและการเป็นผู้นำของเดล บอสเก พาทีมชาติสเปนไปสู่ความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ปรันเดลลีได้นำเสนอสไตล์การเล่นเกมรุกที่นำอิตาลีไปถึงรอบชิงชนะเลิศ

Similar Posts