สุดยอดโค้ชแห่งศึก EURO 2016, โค้ชยุทธวิธีเยี่ยมในยูโร 2012

5 โค้ชยอดเยี่ยมแห่ง EURO 2016: ยอดนักวางกลยุทธ์แห่งยุโรป

การแข่งขัน UEFA European Football Championship 2016 ไม่ได้เป็นเพียงแค่เวทีโชว์ฝีเท้าของนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในยุโรปเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่แสดงถึงความสามารถในการวางกลยุทธ์ของเหล่าโค้ชที่ยอดเยี่ยมที่สุดในวงการ


สุดยอดโค้ชแห่งศึก EURO 2016: ยอดนักวางกลยุทธ์ที่สร้างความแตกต่าง

Best Coach of EURO 2016

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจโค้ชทั้ง 5 คนที่ทำให้ทัวร์นาเมนต์นี้กลายเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ยุโรป พวกเขาเหล่านี้ไม่เพียงแค่วางกลยุทธ์ได้อย่างเฉียบแหลม แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจและนำพาทีมของพวกเขาประสบความสำเร็จในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด

1. เฟอร์นันโด ซานโตส (โปรตุเกส)

เฟอร์นันโด ซานโตส (โปรตุเกส)

เฟอร์นันโด ซานโตส สมควรได้รับการยกย่องเป็นอันดับต้นๆ ในบรรดาโค้ชที่ดีที่สุดของ EURO 2016 สำหรับการนำโปรตุเกสคว้าแชมป์รายการใหญ่ระดับนานาชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากที่เขาเข้ามาคุมทีมในปี 2014 ซานโตสได้ปลูกฝังความเชื่อมั่น วินัย และความยืดหยุ่นทางแทคติกให้กับทีม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำพาโปรตุเกสสู่ความสำเร็จ

ไม่เหมือนกับทีมโปรตุเกสในอดีตที่พึ่งพาความสามารถในการบุก ซานโตสสร้างทีมของเขาขึ้นมาบนรากฐานของเกมรับที่แข็งแกร่ง ซึ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญในการคว้าแชมป์

ความสามารถของซานโตสในการปรับเปลี่ยนแทคติกให้เหมาะสมกับนักเตะในทีมของเขาเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดตลอดทัวร์นาเมนต์ เขาใช้แผนการเล่น 4-4-2 ที่ทำให้โปรตุเกสแข็งแกร่งและยากที่จะเจาะผ่าน ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ คริสเตียโน โรนัลโด และ นานี ได้ใช้ความสามารถในการโจมตีแนวรับของคู่ต่อสู้

หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของซานโตสคือการจัดการกับโรนัลโดในรอบชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส ซึ่งการบาดเจ็บของกัปตันทีมในช่วงต้นเกมอาจทำให้ทีมเสียขวัญได้

อย่างไรก็ตาม การนำทีมอย่างสุขุมและการปรับแทคติกของซานโตสทำให้โปรตุเกสยังคงอยู่ในเกม และการส่ง Éder ลงสนาม ซึ่งเขาเป็นผู้ทำประตูชัยในช่วงต่อเวลา กลายเป็นการตัดสินใจที่นำพาให้ซานโตสได้รับการยกย่องว่าเป็นโค้ชที่ดีที่สุดของ EURO 2016

2. คริส โคลแมน (เวลส์)

ความสำเร็จของคริส โคลแมน กับทีมชาติเวลส์ใน EURO 2016 นั้นเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมมาก การนำทีมที่เข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกนับตั้งแต่ฟุตบอลโลกปี 1958 เข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นความสำเร็จที่สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก

แทคติกของโคลแมนสร้างขึ้นบนรากฐานของเกมรับที่แข็งแกร่ง ด้วยการใช้แผน 3-5-2 ที่ทำให้เวลส์มีความมั่นคงในการป้องกันและยังอันตรายในการโต้กลับ

การให้แกเร็ธ เบล เล่นในบทบาทอิสระเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะทำให้ผู้เล่นสตาร์สามารถสร้างอิทธิพลต่อเกมได้มากที่สุด การนำทีมของโคลแมนยังสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและความเชื่อมั่นว่าทีมชาติเวลส์สามารถแข่งขันกับทีมชั้นนำของยุโรปได้

ชัยชนะในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเหนือเบลเยียม หนึ่งในทีมเต็งของทัวร์นาเมนต์ เป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถทางแทคติกและทักษะการกระตุ้นของโคลแมน ผลงานของเขาใน EURO 2016 ทำให้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์

3. ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ (ฝรั่งเศส)

ในฐานะโค้ชของทีมเจ้าภาพ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ต้องเผชิญกับความกดดันอย่างมากในการนำฝรั่งเศสสู่ความสำเร็จใน EURO 2016 แม้จะมีความคาดหวังสูง เดส์ชองส์สามารถนำฝรั่งเศสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้ แม้ว่าพวกเขาจะแพ้ให้กับโปรตุเกสในช่วงต่อเวลา

การตัดสินใจของเดส์ชองส์ในการให้ Antoine Griezmann เล่นในบทบาทกองหน้าตัวกลางเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดของทัวร์นาเมนต์ Griezmann ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในตำแหน่งนี้ โดยคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ด้วยจำนวน 6 ประตู

เดส์ชองส์ยังจัดการทีมในแดนกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสร้างความสมดุลระหว่างความแข็งแกร่งในเกมรับของ N’Golo Kanté และ Blaise Matuidi กับความสร้างสรรค์ของ Dimitri Payet และ Paul Pogba

การใช้ Olivier Giroud เป็นกองหน้าตัวเป้าก็เพิ่มมิติใหม่ให้กับเกมรุกของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในทีมที่อันตรายที่สุดในทัวร์นาเมนต์

แม้ฝรั่งเศสจะพลาดแชมป์ในรอบชิงชนะเลิศ แต่ความสามารถของเดส์ชองส์ในการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและนำทีมผ่านความกดดันของการเป็นเจ้าภาพได้ทำให้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดของ EURO 2016

4. อันโตนิโอ คอนเต้ (อิตาลี)

อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นหนึ่งในความประหลาดใจของ EURO 2016 หลายคนไม่เชื่อว่าอิตาลีจะไปได้ไกลในทัวร์นาเมนต์นี้ แต่ด้วยความสามารถทางแทคติกและการนำทีมที่มีพลังของคอนเต้ ทำให้อิตาลีกลายเป็นหนึ่งในทีมที่ยากจะเอาชนะได้

แม้ทีมอิตาลีชุดนี้จะไม่มีดาวเด่นเท่ากับทีมในอดีต แต่คอนเต้สามารถสร้างทีมที่มีความเป็นระบบ ระเบียบ และยากที่จะเจาะผ่าน

การใช้แผน 3-5-2 ของคอนเต้เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของอิตาลี ระบบนี้ทำให้อิตาลีมีความแข็งแกร่งในเกมรับและยังคงมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพผ่านวิงแบ็ค

แนวรับสามคนที่ประกอบด้วย Leonardo Bonucci, Andrea Barzagli และ Giorgio Chiellini โดยมี Gianluigi Buffon เป็นผู้รักษาประตู ถือเป็นรากฐานของกลยุทธ์ของคอนเต้

การเล่นที่เป็นระบบและมีวินัยของอิตาลีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในชัยชนะ 2-0 เหนือสเปนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งพวกเขาสามารถเอาชนะทีมแชมป์เก่าได้อย่างยอดเยี่ยม

ความสามารถของคอนเต้ในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเตะของเขายังเป็นที่ประจักษ์ เมื่ออิตาลีสามารถดวลจุดโทษกับเยอรมนีในรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม แม้พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นรอง

ความกระตือรือร้นของคอนเต้ข้างสนามและความชำนาญทางแทคติกทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในโค้ชที่โดดเด่นที่สุดของ EURO 2016 โดยได้รับคำชมอย่างกว้างขวางจากผลงานที่เขาทำกับทีมชาติอิตาลี

5. ลาร์ส ลาเกอร์แบค และ เฮเมียร์ ฮัลล์กริมสัน (ไอซ์แลนด์)

คู่โค้ชอย่าง ลาร์ส ลาเกอร์แบค และ เฮเมียร์ ฮัลล์กริมสัน ได้สร้างเรื่องราวที่น่าทึ่งที่สุดเรื่องหนึ่งของ EURO 2016 ด้วยการนำทีมชาติไอซ์แลนด์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในการเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกของพวกเขา

ภายใต้การนำของพวกเขา ไอซ์แลนด์กลายเป็นทีมที่เป็นที่รักของทัวร์นาเมนต์ ด้วยผลงานที่เต็มไปด้วยพลังและการเล่นเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม

กลยุทธ์ของลาเกอร์แบคและฮัลล์กริมสันสร้างขึ้นบนพื้นฐานของการจัดการเกมรับที่มีระเบียบและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ แผนการเล่น 4-4-2 ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพของพวกเขาทำให้ทีมสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคงและยังคงเป็นภัยคุกคามในการโต้กลับ

ความสามารถของพวกเขาในการดึงเอาความพยายามสูงสุดจากนักเตะเป็นที่ประจักษ์ชัดในชัยชนะ 2-1 เหนืออังกฤษในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความพลิกล็อกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชิงแชมป์ยุโรป

คู่โค้ชยังสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและความเชื่อมั่นในทีม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของไอซ์แลนด์ ทักษะการจัดการคนและความชำนาญทางแทคติกทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งในคู่โค้ชที่ดีที่สุดของ EURO 2016 โดยพาทีมไอซ์แลนด์ไปสู่ความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนในเวทีนานาชาติ


สุดยอดโค้ชแห่งศึก UEFA European Football Championship 2016

จากชัยชนะประวัติศาสตร์ของซานโตสกับโปรตุเกสจนถึงการนำทีมที่สร้างแรงบันดาลใจของโคลแมนกับเวลส์ โค้ชแต่ละคนได้นำสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์มาสู่ทัวร์นาเมนต์นี้ และได้ฝากผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ไว้ในทีมและการแข่งขันโดยรวม

โค้ชเหล่านี้ไม่เพียงแค่สามารถนำทีมผ่านความท้าทายของ EURO 2016 ด้วยความสามารถและปัญญา แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า การเป็นโค้ชที่ยอดเยี่ยมนั้นมากกว่าการวางแทคติก มันคือการสร้างทีมที่เชื่อมั่นในตัวเองและเชื่อในความสามารถที่จะไปถึงความยิ่งใหญ่

เมื่อเราย้อนนึกถึง European Championship 2016 โค้ชทั้งห้าคนนี้โดดเด่นขึ้นมาเป็นโค้ชที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ โดยแต่ละคนได้ฝากรอยประทับในหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์

Similar Posts