10 จุดโทษที่ดีที่สุดในยูโร 2020
ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ 2020 หรือที่รู้จักกันในชื่อ ยูโร 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เต็มไปด้วยดราม่าและความตื่นเต้น ทั้งประตูที่น่าทึ่งและช่วงเวลาที่ไม่อาจลืมเลือน ในบรรดาไฮไลท์หลายๆ ช่วงของการแข่งขัน จุดโทษก็ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ตึงเครียดและสำคัญที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่ต้องอาศัยความนิ่ง ความแม่นยำ และความกล้าหาญอย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะเมื่อแรงกดดันอยู่ในจุดสูงสุด ในยูโร 2020 มีการยิงจุดโทษหลายครั้งที่โดดเด่น ไม่ใช่เพียงเพราะความสำคัญของมัน แต่ยังเพราะคุณภาพของการยิงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 10 การยิงจุดโทษที่ดีที่สุดในยูโร 2020 ที่แต่ละครั้งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ยากจะหาใครเทียบได้
10 การยิงจุดโทษที่ดีที่สุดในยูโร 2020: ความกล้าหาญภายใต้แรงกดดัน
จุดโทษมักถูกมองว่าเป็นวิธีการทำประตูที่ง่ายที่สุดในฟุตบอล แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ง่ายเลย การต่อสู้ทางจิตวิทยาระหว่างผู้ยิงและผู้รักษาประตู การแบกรับความคาดหวัง และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ทำให้การยิงจุดโทษกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดในเกมฟุตบอล ในยูโร 2020 จุดโทษมีบทบาทสำคัญในหลายๆ แมตช์ ซึ่งบางครั้งกลายเป็นช่วงเวลาที่กำหนดทัวร์นาเมนต์ได้ การยิงจุดโทษที่โดดเด่นเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำประตู แต่ยังเป็นการแสดงถึงการจัดการแรงกดดัน ความแม่นยำ และการสร้างประวัติศาสตร์อีกด้วย
1. จานลุยจิ ดอนนารุมมา (อิตาลี vs อังกฤษ)
ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดของจุดโทษในยูโร 2020 เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศระหว่างอิตาลีและอังกฤษ เมื่อเกมเสมอกัน 1-1 หลังช่วงต่อเวลาพิเศษ ผลการแข่งขันถูกตัดสินด้วยการยิงจุดโทษ จานลุยจิ ดอนนารุมมา กลายเป็นฮีโร่ของอิตาลีเมื่อเขาสามารถเซฟจุดโทษของบูกาโย ซาก้าได้ ทำให้อิตาลีชนะ 3-2 ในการดวลจุดโทษ การเซฟนี้ไม่เพียงแต่ทำให้อิตาลีคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่สองได้สำเร็จ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความนิ่งและความสามารถในการทำผลงานภายใต้แรงกดดันของดอนนารุมมาอีกด้วย การเซฟนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของยูโร 2020 และจะถูกจดจำว่าเป็นหนึ่งในจุดโทษที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์นี้
2. คีเลียน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส vs สวิตเซอร์แลนด์)
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศสเผชิญหน้ากับสวิตเซอร์แลนด์ในแมตช์ที่ต้องดวลจุดโทษหลังจากเสมอกัน 3-3 ทั้งสองทีมยิงจุดโทษเข้าประตูไปใน 4 ครั้งแรก แรงกดดันจึงตกอยู่ที่คีเลียน เอ็มบัปเป้ ที่ต้องยิงเพื่อรักษาฝรั่งเศสไว้ในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม ยานน์ ซอมเมอร์ ผู้รักษาประตูของสวิตเซอร์แลนด์สามารถเซฟจุดโทษของเอ็มบัปเป้ได้ ส่งผลให้สวิตเซอร์แลนด์ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ การพลาดของเอ็มบัปเป้ถือเป็นหนึ่งในช็อกที่ใหญ่ที่สุดของทัวร์นาเมนต์ เพราะเอ็มบัปเป้ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก ไม่สามารถทำผลงานได้ภายใต้แรงกดดัน
3. อัลบาโร่ โมราต้า (สเปน vs อิตาลี)
ในรอบรองชนะเลิศระหว่างสเปนและอิตาลี อัลบาโร่ โมราต้า ได้รับโอกาสในการยิงจุดโทษที่มีความสำคัญมากในระหว่างการแข่งขัน หลังจากที่เฟเดริโก้ เคียซ่า ทำประตูให้อิตาลีนำ สเปนได้รับการให้จุดโทษ และโมราต้าก็ยิงบอลเข้ามุมล่างของประตู โดยดอนนารุมมาไม่สามารถรับได้ ประตูนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้สเปนยังคงมีโอกาสในเกมนี้ แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ แต่จุดโทษของโมราต้าก็ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในหนึ่งในแมตช์ที่ตึงเครียดที่สุดของทัวร์นาเมนต์
4. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส vs ฝรั่งเศส)
ผลงานของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในแมตช์กับฝรั่งเศสในรอบแบ่งกลุ่ม ถือเป็นหนึ่งในการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่สุดของยูโร 2020 ในเกมที่เสมอกัน 2-2 โรนัลโด้ทำประตูทั้งสองลูกให้กับโปรตุเกสจากจุดโทษ แสดงให้เห็นถึงความนิ่งและความแม่นยำของเขา จุดโทษแรกของเขาถูกยิงเข้าไปที่มุมล่างของประตู ส่วนจุดโทษที่สองเป็นการยิงที่ทรงพลังซึ่งไม่ให้โอกาสอูโก้ ยอริส ได้เซฟ จุดโทษเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้โปรตุเกสได้รับคะแนนสำคัญ แต่ยังทำให้โรนัลโด้สามารถทาบสถิติการทำประตูสูงสุดในนามทีมชาติได้อีกด้วย
5. ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (เดนมาร์ก vs สาธารณรัฐเช็ก)
ในรอบก่อนรองชนะเลิศระหว่างเดนมาร์กและสาธารณรัฐเช็ก ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก ได้รับหน้าที่ในการยิงจุดโทษที่มีความสำคัญ ซึ่งส่งผลให้เดนมาร์กเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ด้วยเดนมาร์กนำ 2-1 จุดโทษนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เช็กกำลังพยายามทำประตูตีเสมอ ฮอยเบิร์กยิงจุดโทษอย่างแรงและแม่นยำ ทำให้ผู้รักษาประตูไม่มีโอกาส การยิงนี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้เดนมาร์กผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และแสดงให้เห็นถึงความสามารถของฮอยเบิร์กในการรักษาความสงบและความมุ่งมั่นภายใต้แรงกดดัน
6. อังเดร ยาร์โมเลนโก้ (ยูเครน vs สวีเดน)
อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ของยูเครนสร้างช่วงเวลาที่น่าประทับใจในรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับสวีเดน โดยเกมนี้ถูกตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ เมื่อสกอร์เสมอกันหลังช่วงต่อเวลาพิเศษ ยาร์โมเลนโก้ได้รับหน้าที่ในการยิงจุดโทษที่สำคัญของยูเครน และเขาก็ยิงบอลเข้าสู่มุมบนของประตูอย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่ผู้รักษาประตูสวีเดนไม่มีโอกาส การยิงจุดโทษนี้ทำให้ยูเครนผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และความสงบนิ่งของยาร์โมเลนโก้ภายใต้แรงกดดันเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของทีม
7. ราฮีม สเตอร์ลิง (อังกฤษ vs เดนมาร์ก)
หนึ่งในจุดโทษที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของยูโร 2020 เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศระหว่างอังกฤษและเดนมาร์ก ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ราฮี
ม สเตอร์ลิง ได้รับจุดโทษหลังจากที่เขาถูกทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษ การตัดสินใจนี้เป็นที่ถกเถียงอย่างมาก โดยหลายคนมองว่าการติดต่อกับผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามนั้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินให้เป็นจุดโทษ และแม้ว่าแฮร์รี่ เคนจะยิงจุดโทษครั้งแรกถูกเซฟโดยแคสเปอร์ ชไมเคิล แต่เขาก็ยิงซ้ำเข้าประตูได้สำเร็จ ทำให้อังกฤษขึ้นนำ 2-1 จุดโทษนี้มีบทบาทสำคัญในการพาอังกฤษเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และจุดประกายการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการใช้ VAR และการตัดสินของผู้ตัดสินในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้
8. คาริม เบนเซม่า (ฝรั่งเศส vs โปรตุเกส)
จุดโทษของคาริม เบนเซม่าในเกมกับโปรตุเกสในรอบแบ่งกลุ่มเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยดราม่า เมื่อฝรั่งเศสตามหลัง 1-0 เบนเซม่าได้รับหน้าที่ในการยิงจุดโทษเพื่อตีเสมอ และเขาก็แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และคลาสของเขาด้วยการยิงบอลเข้ามุมล่างของประตูอย่างแม่นยำ จุดโทษนี้เป็นส่วนหนึ่งของเกมที่จบลงด้วยสกอร์ 2-2 ซึ่งเบนเซม่ายิงประตูทั้งสองลูกให้ฝรั่งเศส การยิงจุดโทษของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำผลงานในสถานการณ์ที่กดดันสูง และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างหนึ่งในแมตช์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดของทัวร์นาเมนต์
9. พาทริก ชิค (สาธารณรัฐเช็ก vs สกอตแลนด์)
พาทริก ชิคเป็นหนึ่งในดาวรุ่งที่ฉายแสงในยูโร 2020 และจุดโทษของเขาในเกมกับสกอตแลนด์ในรอบแบ่งกลุ่มเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของความนิ่งของเขา หลังจากที่เขาทำประตูสุดสวยจากระยะไกลในเกมเดียวกัน ชิคก็ได้รับโอกาสในการยิงจุดโทษในช่วงท้ายเกม และเขาก็ยิงบอลเข้าสู่มุมล่างอย่างมั่นใจ ช่วยให้ทีมชนะ 2-0 จุดโทษของชิคไม่เพียงแค่เป็นการทำประตู แต่ยังเป็นการแสดงถึงความมั่นใจและความนิ่งภายใต้แรงกดดัน ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทัวร์นาเมนต์
10. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อังกฤษ vs ยูเครน)
จุดโทษของจอร์แดน เฮนเดอร์สันในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับยูเครนไม่ใช่ช่วงเวลาที่ตัดสินเกม แต่มีความสำคัญด้วยเหตุผลอื่น หลังจากรับใช้ทีมชาติอังกฤษมานานหลายปี เฮนเดอร์สันสามารถทำประตูแรกให้กับทีมชาติได้สำเร็จด้วยการยิงจุดโทษอย่างมั่นใจ ทำให้อังกฤษนำห่างเป็น 4-0 การฉลองประตูของเฮนเดอร์สันแสดงให้เห็นถึงความหมายที่สำคัญของประตูนี้สำหรับเขา และการยิงจุดโทษที่นิ่งและมั่นใจของเขายังแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำและประสบการณ์ของเขาด้วย แม้ว่าเกมจะถูกตัดสินไปแล้ว จุดโทษของเฮนเดอร์สันก็เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำในเส้นทางของอังกฤษในยูโร 2020
จุดโทษที่สร้างนิยามให้กับยูโร 2020
ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ 2020 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่จุดโทษมีบทบาทสำคัญในการตัดสินผลการแข่งขันและสร้างดราม่า การยิงจุดโทษที่โดดเด่น 10 ครั้งที่ถูกกล่าวถึงในบทความนี้ไม่เพียงแต่เป็นการทำประตู แต่ยังเกี่ยวข้องกับแรงกดดันที่เข้มข้น ความแข็งแกร่งทางจิตใจ และความสามารถในการทำผลงานในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เมื่อเราหวนคิดถึงทัวร์นาเมนต์นี้ จุดโทษเหล่านี้จะเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสำคัญของความกล้าหาญและความนิ่งที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดของเกมฟุตบอล