ประตูที่สวยที่สุดใน EURO 2024
ประตูที่สวยที่สุดใน EURO 2024: การเล่นเป็นทีมที่น่าจดจำ
UEFA European Championship เป็นเวทีที่แฟนบอลทั่วโลกได้เห็นประตูที่น่าทึ่งและการเล่นเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม EURO 2024 ก็ไม่ต่างกัน ทีมต่างๆ ได้แสดงให้เห็นถึงการประสานงานที่ลงตัว จนเกิดเป็นประตูที่เราจะจดจำไปอีกนาน ไม่ว่าจะเป็นการโต้กลับอย่างรวดเร็ว การเล่นลูกตั้งเตะที่แม่นยำ หรือช่วงเวลาที่ผสานกันอย่างลงตัวระหว่างการเล่นเป็นทีมและทักษะเฉพาะตัว ในบทความนี้ เราจะพาไปสำรวจประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดใน EURO 2024 โดยจะลงลึกถึงสถานการณ์ คู่ต่อสู้ ปฏิกิริยา และผลลัพธ์สุดท้ายของแต่ละประตู
1. สเปน vs อิตาลี – ประตูของ ดานี่ โอลโม่ (รอบก่อนรองชนะเลิศ)
ในเกมที่มีความสำคัญระหว่างสเปนและอิตาลี ประตูของดานี่ โอลโม่ เป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมและแม่นยำ เกมนี้เป็นการต่อสู้ที่ตึงเครียด โดยทั้งสองทีมมีโอกาสครองบอลและสร้างโอกาสได้อย่างเท่าเทียมกัน ในนาทีที่ 34 สเปนเริ่มต้นการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นถึงสไตล์การเล่นแบบ “ติกิ-ตาก้า” ของพวกเขา
สถานการณ์ของเกม:
เกมยังอยู่ในช่วงแรก โดยทั้งสองทีมพยายามหาจังหวะทำเกม สเปนค่อยๆ สร้างเกมจากแดนหลัง ขยับบอลไปมาทางซ้ายและขวา เพื่อดึงแนวรับของอิตาลีให้ออกนอกตำแหน่ง
ประตู:
การเล่นเริ่มต้นด้วยการจ่ายบอลสั้นๆ หลายจังหวะระหว่างมิดฟิลด์ของสเปน ซึ่งดึงให้กองกลางของอิตาลีหลุดตำแหน่ง เมื่อพื้นที่เปิดออก จอร์ดี้ อัลบา ก็วิ่งขึ้นมาทางซ้าย รับบอลจากเปดรี แล้วส่งครอสต่ำเข้ากลางกรอบเขตโทษ เฟร์ราน ตอร์เรส ทำท่าว่าจะยิงแต่หลอกปล่อยบอลผ่านไปถึงดานี่ โอลโม่ ซึ่งยืนรออยู่ตรงกรอบเขตโทษ โอลโม่ยิงบอลด้วยเท้าซ้ายครั้งเดียว บอลโค้งเข้ามุมล่างขวาของประตู ทำให้นายทวารอิตาลี จานลุยจิ ดอนนารุมมา ยืนขาตาย
คู่แข่งและผลลัพธ์สุดท้าย:
อิตาลีถูกความแม่นยำของสเปนทำให้ตกตะลึง เกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 1-1 หลังเวลาปกติ แต่ในที่สุดอิตาลีชนะการดวลจุดโทษ 4-2 อย่างไรก็ตาม ประตูของโอลโม่ยังคงเป็นช่วงเวลาที่โดดเด่นของเกมนี้
ปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู:
ดอนนารุมมา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ไม่มีโอกาสรับลูกนี้ เนื่องจากความเร็วและการวางบอลที่แม่นยำ
เวลาของประตู:
นาทีที่ 34
2. ฝรั่งเศส vs โปรตุเกส – ประตูของ คีเลียน เอ็มบัปเป้ (รอบแบ่งกลุ่ม)
การแข่งขันระหว่างฝรั่งเศสและโปรตุเกสในรอบแบ่งกลุ่มเป็นเกมที่น่าตื่นเต้น จบลงด้วยสกอร์ 2-2 ประตูของคีเลียน เอ็มบัปเป้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเร็ว ความแม่นยำ และการประสานงานของทีมที่ยอดเยี่ยม
สถานการณ์ของเกม:
เกมอยู่ในช่วงครึ่งหลัง โดยทั้งสองทีมทำประตูได้เท่ากัน ฝรั่งเศสพยายามหาจังหวะนำ ในขณะที่พวกเขาจับโปรตุเกสด้วยการโต้กลับที่รวดเร็วในนาทีที่ 68
ประตู:
การเล่นเริ่มต้นจากการแย่งบอลในแดนของฝรั่งเศส โดยพอล ป็อกบา ตัดบอลจากมิดฟิลด์ของโปรตุเกสได้ แล้วรีบส่งบอลให้คาริม เบนเซม่า ที่ยืนอยู่ใกล้เส้นกลางสนาม เบนเซม่าเห็นเอ็มบัปเป้วิ่งทำทางอยู่ ส่งบอลยาวน้ำหนักพอดีไปที่หลังแนวรับของโปรตุเกส เอ็มบัปเป้ใช้ความเร็วสูงสุด วิ่งหนีรูเบน ดิอาส และชูเอา กานเซโล่ ก่อนจะยิงผ่านรุย ปาทริซิโอ ที่พยายามออกมาปิดมุม
คู่แข่งและผลลัพธ์สุดท้าย:
แนวรับของโปรตุเกสซึ่งมักจะแข็งแกร่ง ถูกทำลายลงด้วยความเร็วและความแม่นยำของการโต้กลับของฝรั่งเศส เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-2 ทำให้ทั้งสองทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์
ปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู:
รุย ปาทริซิโอ พยายามเต็มที่ในการปิดมุม แต่การยิงของเอ็มบัปเป้แม่นยำเกินกว่าจะป้องกันได้
เวลาของประตู:
นาทีที่ 68
3. เยอรมนี vs ฮังการี – ประตูของ ไค ฮาแวร์ตซ์ (รอบแบ่งกลุ่ม)
ในเกมที่เยอรมนีต้องการผลการแข่งขันเพื่อผ่านเข้ารอบ ประตูตีเสมอของไค ฮาแวร์ตซ์กับฮังการี เป็นประตูที่สำคัญอย่างยิ่งที่ช่วยให้พวกเขาอยู่ในเส้นทางของ EURO 2024 ต่อไป
สถานการณ์ของเกม:
เยอรมนีตามหลังอยู่ 1-0 และความกดดันเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในนาทีที่ 66 เยอรมนีเริ่มการโจมตีที่เป็นตัวอย่างของการเล่นเป็นทีมภายใต้ความกดดัน
ประตู:
การเล่นเริ่มจากแดนหลังของเยอรมนี โดยโยชัว คิมมิช ส่งบอลยาวทแยงไปให้โรบิน โกเซ่นส์ ทางปีกซ้าย โกเซ่นส์ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความสามารถในการโจมตี วิ่งพาบอลไปข้างหน้า ก่อนจะครอสบอลเข้ากลางกรอบเขตโทษ แนวรับฮังการีพยายามเคลียร์บอล แต่บอลกลับไปเข้าทางของโธมัส มุลเลอร์ ซึ่งจ่ายบอลต่อให้ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่มีสติและความนิ่งในการเล่น สัมผัสบอลครั้งเดียวก่อนจะชิพบอลข้ามผู้รักษาประตูฮังการี เปเตอร์ กูลาชซี เข้าประตูไป
คู่แข่งและผลลัพธ์สุดท้าย:
ฮังการีซึ่งป้องกันได้อย่างเหนียวแน่นมาตลอด ถูกเล่นงานด้วยความพยายามและความดื้อรั้นของเยอรมนี เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-2 ซึ่งเพียงพอให้เยอรมนีผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์
ปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู:
เปเตอร์ กูลาชซี ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีทางป้องกัน เมื่อการชิพบอลของฮาแวร์ตซ์ลอยข้ามเขาเข้าไปในตาข่าย
เวลาของประตู:
นาทีที่ 66
4. อังกฤษ vs เดนมาร์ก – ประตูของ ราฮีม สเตอร์ลิง (รอบรองชนะเลิศ)
ประตูของราฮีม สเตอร์ลิงกับเดนมาร์กในรอบรองชนะเลิศ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความคิดที่รวดเร็ว การเล่นเป็นทีม และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ช่วยให้อังกฤษผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
สถานการณ์ของเกม:
เกมเสมอกันอยู่ 1-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อทั้งสองทีมพยายามหาประตูชัย อังกฤษเป็นฝ่ายครองเกมและกดดันแนวรับของเดนมาร์กอย่างต่อเนื่อง
ประตู:
การเล่นของอังกฤษเริ่มจากการเปลี่ยนเกมจากการป้องกันเป็นการโจมตีอย่างรวดเร็ว ไคล์ วอล์คเกอร์ ส่งบอลยาวไปทางปีกขวาให้บูกาโย ซาก้า ซึ่งตัดเข้าด้านในก่อนจะส่งบอล
ให้แฮร์รี่ เคน เคนเห็นราฮีม สเตอร์ลิงวิ่งเข้ากรอบเขตโทษ จึงส่งบอลต่อให้ สเตอร์ลิงใช้ความเร็วและเท้าที่ไว หลบการเข้าสกัดของซิมอน เคียร์ ก่อนยิงผ่านแคสเปอร์ ชไมเคิล ที่แม้จะเซฟได้หลายครั้งในเกมนี้ แต่ไม่สามารถหยุดลูกยิงนี้ได้
คู่แข่งและผลลัพธ์สุดท้าย:
เดนมาร์กซึ่งตั้งรับอย่างเหนียวแน่นมาตลอด จบลงด้วยการพ่ายแพ้ต่อความกดดันของอังกฤษ เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-1 ทำให้อังกฤษผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
ปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู:
แคสเปอร์ ชไมเคิล พยายามเต็มที่ แต่ลูกยิงของสเตอร์ลิงนั้นแม่นยำเกินกว่าจะเซฟได้
เวลาของประตู:
นาทีที่ 104 (ช่วงต่อเวลาพิเศษ)
5. เนเธอร์แลนด์ vs สาธารณรัฐเช็ก – ประตูของ เดนเซล ดุมฟรีส์ (รอบ 16 ทีมสุดท้าย)
ประตูของเดนเซล ดุมฟรีส์ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการโจมตีที่รวดเร็วและการจบสกอร์ที่เฉียบขาด ปิดฉากชัยชนะของเนเธอร์แลนด์เหนือสาธารณรัฐเช็ก
สถานการณ์ของเกม:
เนเธอร์แลนด์นำอยู่ 1-0 และสาธารณรัฐเช็กพยายามกดดันเพื่อหาประตูตีเสมอ แต่ถูกเนเธอร์แลนด์สวนกลับในนาทีที่ 81
ประตู:
การโต้กลับเริ่มต้นจากการเคลียร์บอลของมัทไธส์ เดอ ลิกต์ ที่ส่งบอลไปถึงแฟรงกี้ เดอ ยอง ในแดนกลาง เดอ ยองเห็นโอกาสจึงส่งบอลต่อให้เมมฟิส เดปาย ทางปีกขวา เดปายส่งครอสต่ำเข้ากลางกรอบเขตโทษ ซึ่งเดนเซล ดุมฟรีส์ที่วิ่งทะลุจากตำแหน่งแบ็กขวาเข้ามาพอดี ยิงบอลผ่านนายทวารเช็ก โทมัส วัคลิค เข้าไป
คู่แข่งและผลลัพธ์สุดท้าย:
สาธารณรัฐเช็กที่พยายามบุก แต่ถูกเล่นงานด้วยการโต้กลับอย่างรวดเร็วของเนเธอร์แลนด์ ประตูนี้ทำให้ความหวังของสาธารณรัฐเช็กหมดลง เกมจบลงด้วยสกอร์ 2-0 ให้กับเนเธอร์แลนด์
ปฏิกิริยาของผู้รักษาประตู:
โทมัส วัคลิค ไม่มีทางป้องกันได้เมื่อการยิงของดุมฟรีส์นั้นรวดเร็วและแรงเกินไป
เวลาของประตู:
นาทีที่ 81
ช่วงเวลาเหล่านี้ไม่เพียงแค่แสดงถึงความสามารถเฉพาะตัว แต่ยังเป็นการยืนยันถึงการทำงานเป็นทีม การวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการปฏิบัติที่เฉียบขาดซึ่งสะท้อนถึงความงดงามของฟุตบอล EURO 2024 เป็นทัวร์นาเมนต์ที่เต็มไปด้วยช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ ทำให้เป็นหนึ่งในการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของแชมป์เปี้ยนชิพ