บรรดาเรื่องอื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในแชมเปียนส์ลีก: การเกษียณอันกะทันหันของแอนเดอร์ส ฟริสค์ (2005)
เหตุการณ์ที่น่าตกตะลึงในวงการฟุตบอลที่ทำให้ชื่อของแอนเดอร์ส ฟริสค์ ผู้ตัดสินชาวสวีเดน เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นในฤดูกาล 2004/05 ของการแข่งขันแชมเปียนส์ลีก เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นในเกมที่โรมาพบกับดินาโม เคียฟ ขณะที่เกมกำลังดุเดือดและแข่งขันกันอย่างดุเดือด แฟนบอลในสนามก็ทำเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเมื่อมีการขว้างเหรียญใส่ฟริสค์ ซึ่งเป็นผู้ตัดสินในเกม ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บถึงขั้นเลือดออก แม้ว่าฟริสค์จะมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ตัดสินที่ยุติธรรมและมีมาตรฐานสูง แต่การถูกทำร้ายในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ผู้ตัดสินต้องเผชิญในบางครั้ง
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้ฟริสค์ตัดสินใจเกษียณจากการทำหน้าที่ผู้ตัดสินกลับเกิดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของการแข่งขันแชมเปียนส์ลีก เมื่อบาร์เซโลนาพบกับเชลซีในนัดแรก ในแมตช์นี้ บาร์เซโลนาได้รับชัยชนะ 2-1 ท่ามกลางความดุเดือดของการแข่งขัน ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าของเชลซีถูกฟริสค์ไล่ออกจากสนามหลังจากได้รับใบเหลืองสองใบติดต่อกัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนบอลเชลซีอย่างมาก แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์นี้เป็นที่จดจำไม่ใช่แค่ผลของเกมหรือการตัดสินของฟริสค์เท่านั้น แต่ยังเป็นข้อกล่าวหาที่ร้อนแรงจากโชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซีในขณะนั้น
มูรินโญ่กล่าวหาอย่างเปิดเผยว่า ฟริสค์ได้พูดคุยกับแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ผู้จัดการทีมบาร์เซโลนาในช่วงพักครึ่ง ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่สร้างความสงสัยให้กับแฟนบอลเชลซีและเป็นเหตุให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับการสมคบคิด มูรินโญ่ยืนกรานว่าการพูดคุยนี้ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจที่ไม่เป็นธรรมกับเชลซี โดยเฉพาะการที่ดร็อกบาถูกไล่ออก การกล่าวหาของมูรินโญ่นำไปสู่ความโกรธแค้นในหมู่แฟนบอลเชลซี ซึ่งไม่เพียงแต่แสดงความไม่พอใจในโลกออนไลน์เท่านั้น แต่ยังมีการขู่ทำร้ายฟริสค์และครอบครัวของเขาอย่างรุนแรงจนทำให้ฟริสค์ต้องตัดสินใจที่ไม่คาดคิด นั่นคือการเกษียณจากวงการฟุตบอลเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเหตุการณ์นี้
ฟริสค์เป็นผู้ตัดสินที่มีชื่อเสียงและเคยทำหน้าที่ในการแข่งขันที่สำคัญหลายรายการ เช่น ศึกแชมเปียนส์ลีกและการแข่งขันฟุตบอลโลก ดังนั้น การตัดสินใจเกษียณของเขาถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอล นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงความกดดันและอันตรายที่ผู้ตัดสินต้องเผชิญในบางครั้ง จากการถูกกดดันโดยทีม ผู้เล่น และแฟนบอล ซึ่งสามารถนำไปสู่ผลกระทบที่ลึกซึ้งต่อชีวิตของพวกเขา
หลังจากการเกษียณของฟริสค์ ดร็อกบาได้ออกมาขอโทษฟริสค์ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่มูรินโญ่ถูกสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ลงโทษอย่างรุนแรง โดยถูกแบนจากการแข่งขันในรอบต่อไปและถูกปรับเงินเป็นจำนวนประมาณ 9,000 ปอนด์ ในขณะเดียวกัน เชลซีก็ต้องถูกปรับเงินอีก 33,300 ปอนด์ ซึ่งเป็นบทลงโทษสำหรับพฤติกรรมของแฟนบอลของทีม
เหตุการณ์นี้กลายเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ในวงการฟุตบอลเกี่ยวกับผลกระทบของการวิจารณ์และพฤติกรรมของแฟนบอลที่ไม่ยอมรับผลการแข่งขัน มันเตือนให้ทุกฝ่ายในวงการฟุตบอลตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนและเคารพในเกม ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น ผู้จัดการทีม หรือแม้แต่ผู้ตัดสินที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยุติธรรมในสนาม