Chelsea's Cold Shoulder

หนึ่งในเหตุการณ์อื้อฉาวที่ใหญ่ที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีก: การเพิกเฉยของเชลซี (2009)

ในปี 2009 การแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกที่หลายคนยังคงจดจำและพูดถึงจนถึงทุกวันนี้เกิดขึ้นในรอบรองชนะเลิศระหว่างเชลซีและบาร์เซโลน่า ทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1 แต่เชลซีต้องพบกับชะตากรรมอันขมขื่น เมื่อพวกเขาต้องตกรอบด้วยกฎประตูทีมเยือน ทำให้พลาดโอกาสในการล้างแค้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเคยเอาชนะพวกเขาได้ในรอบชิงชนะเลิศปีก่อน ความผิดหวังนั้นยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เพราะเชลซีเชื่อมั่นอย่างหนักแน่นว่าพวกเขาสมควรได้รับจุดโทษหลายครั้งจากการทำฟาวล์ของบาร์เซโลน่า แต่ผู้ตัดสิน ทอม เฮนนิ่ง โอเวรโบ กลับไม่ให้แม้แต่ครั้งเดียว

การแข่งขันในวันนั้นไม่ได้เต็มไปด้วยเพียงการปะทะกันของทีมระดับสุดยอด แต่ยังเป็นการแข่งขันที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง เชลซีครอบครองเกมอย่างเหนือกว่าและมีโอกาสยิงประตูหลายครั้ง แต่ลูกยิงของพวกเขาถูกป้องกันโดยบาร์เซโลน่าที่ไม่ยอมแพ้ เมื่อเกมดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย ดร็อกบา หนึ่งในนักเตะที่มีบทบาทสำคัญในทีมเชลซี แสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง เขาไม่เพียงแค่โกรธ แต่ถึงขั้นสบถคำหยาบใส่ผู้ตัดสินและกล้องโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ทำให้เกิดภาพที่กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็วในสื่อ

เหตุการณ์นี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่อารมณ์โกรธของนักเตะเท่านั้น หลังจบการแข่งขัน ตำรวจต้องคุ้มกัน โอเวรโบ ออกจากสนาม เนื่องจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของเขา ขณะที่แฟนบอลเชลซีหลายคนรู้สึกว่าเขาทำหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม ความโกรธแค้นนั้นยังลุกลามไปถึงขั้นที่มีคนเผยแพร่ที่อยู่ของเขาในโลกออนไลน์ ทำให้เขาได้รับคำข่มขู่ถึงชีวิตจากแฟนบอลที่ไม่พอใจ แม้ว่าโอเวรโบจะพยายามป้องกันตนเองจากความรุนแรงเหล่านี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่ผู้ตัดสินต้องเผชิญในเกมที่มีความสำคัญระดับนี้

เหตุการณ์นี้ยังนำมาซึ่งผลลัพธ์ในภายหลัง ดร็อกบาถูกแบนจากการแข่งขันยุโรป 3 นัดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ขณะที่ โจเซ่ โบซิงวา เพื่อนร่วมทีมของเขาก็ถูกแบน 2 นัดเช่นกัน นอกจากนี้ สโมสรเชลซียังถูกปรับเป็นเงินถึง 85,000 ปอนด์ โอเวรโบ ในที่สุดยอมรับในภายหลังว่าเขาทำผิดพลาดในการตัดสินเกมนั้น โดยยอมรับว่ามีบางจังหวะที่เขาน่าจะเป่าฟาวล์ให้กับเชลซี แต่การตัดสินใจของเขาในเวลานั้นก็ทำไปตามที่เห็นในสนาม

เหตุการณ์นี้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ถูกจดจำอย่างยาวนานในวงการฟุตบอลโลก ไม่ใช่แค่เพราะความรุนแรงของการประท้วงเท่านั้น แต่ยังเพราะมันสะท้อนถึงความสำคัญของการตัดสินที่ถูกต้องในเกมระดับสูงสุด ความผิดพลาดครั้งนี้ของโอเวรโบทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหลายปีถัดมา แฟนบอลบางคนมองว่าเชลซีถูกปล้นชัยชนะจากสิ่งที่พวกเขาสมควรได้รับ ในขณะที่บางคนก็ชี้ให้เห็นว่า ความกดดันในสนามนั้นสูงมากจนทำให้เกิดข้อผิดพลาดในส่วนของผู้ตัดสินได้เสมอ

อีกทั้ง บาร์เซโลน่าในปีนั้นยังเป็นหนึ่งในทีมที่ถูกขนานนามว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ พวกเขานำโดย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และมีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์อย่าง ลิโอเนล เมสซี่, ชาบี, และอิเนียสต้า ซึ่งในท้ายที่สุด บาร์เซโลน่าได้ไปถึงรอบชิงชนะเลิศและคว้าชัยชนะเหนือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยุโรปสมัยนั้นไปครอง

แต่สำหรับเชลซี นี่คือความผิดหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของพวกเขา และเหตุการณ์อื้อฉาวนี้ยังคงถูกพูดถึงในฐานะหนึ่งในเรื่องราวที่น่าจดจำและสะเทือนใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

Similar Posts