เรื่องอื้อฉาวใหญ่ในแชมเปียนส์ลีก: ปัญหาสองเท่าของโรนัลโด้ (2017)
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังคงเป็นตำนานที่ยืนยงในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และจนถึงทุกวันนี้ เขายังครองตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของรายการด้วยจำนวนประตูที่มากถึง 140 ประตู หลายคนคงจะจำได้ถึงหนึ่งในผลงานที่น่าประทับใจที่สุดของเขาในปี 2017 ซึ่งเกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศที่เรอัล มาดริดต้องพบกับบาเยิร์น มิวนิค ในการแข่งขันนัดที่สอง โรนัลโด้จัดเต็มด้วยการทำแฮตทริกในเกมนั้น ส่งให้มาดริดผ่านเข้ารอบไปด้วยสกอร์รวม 6-3
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบนกระดาษจะดูเหมือนเป็นการแสดงฝีเท้าที่เหนือชั้น แต่หากเจาะลึกถึงรายละเอียดของเกม กลับมีประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงอย่างมาก สองในสามประตูของโรนัลโด้ในเกมนั้นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ควรจะถูกนับ ในช่วงที่ระบบ VAR ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ ประตูที่สองของเขาในช่วงต่อเวลาพิเศษถูกจับว่าเป็นการล้ำหน้าอย่างชัดเจน ขณะที่ประตูที่สามซึ่งทำให้เขาได้แฮตทริกก็ดูเหมือนจะล้ำหน้าด้วยเช่นกัน
การตัดสินครั้งนั้นจุดประกายความไม่พอใจในหมู่แฟนบอลบาเยิร์น มิวนิค ซึ่งไม่เพียงแต่รู้สึกว่าถูกลิดรอนสิทธิในการแข่งขัน แต่ยังรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมอีกด้วย ความโกรธเกรี้ยวเพิ่มขึ้นอีกเมื่ออาร์ตูโร่ วิดัล นักเตะตัวเก่งของบาเยิร์นถูกไล่ออกจากสนามหลังจากได้รับใบแดง ซึ่งเป็นการตัดสินที่ขัดแย้งอย่างมาก หลายคนเห็นว่าใบแดงนั้นรุนแรงเกินไปสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้บาเยิร์นต้องเล่นเพียง 10 คนและหมดโอกาสที่จะสู้กับเรอัล มาดริดได้อย่างเต็มที่
แม้การแข่งขันจะเต็มไปด้วยดราม่าและการถกเถียงเกี่ยวกับการตัดสิน แต่ในท้ายที่สุด เรอัล มาดริดก็ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ และพวกเขาก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ทีมของซีเนดีน ซีดานสามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในปีนั้นได้สำเร็จ ทำให้มาดริดกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ภายใต้ยุคใหม่ของการแข่งขัน
อย่างน่าสนใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรอัล มาดริดและบาเยิร์น มิวนิคเผชิญหน้ากันในเกมที่มีความขัดแย้งและดราม่า ในอดีต ทั้งสองทีมมักจะมีเกมที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่เป็นที่ถกเถียงกัน นั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมการแข่งขันระหว่างสองทีมนี้จึงถือเป็นหนึ่งในคู่แข่งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแชมเปียนส์ลีก
จากเหตุการณ์นี้ แฟนบอลบาเยิร์นต่างก็เรียกร้องให้ยูฟ่าเร่งนำระบบ VAR มาใช้ในทัวร์นาเมนต์เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในอนาคต และในที่สุด VAR ก็ถูกนำมาใช้ในแชมเปียนส์ลีกตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา นับว่าเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงความยุติธรรมในการแข่งขัน
การทำแฮตทริกของโรนัลโด้ในเกมนั้น แม้จะถูกโต้เถียง แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่แสดงถึงความยอดเยี่ยมและความสามารถในการทำประตูของเขา โรนัลโด้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของฟุตบอล และเกมนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความเก่งกาจและความมุ่งมั่นของเขาในการแข่งขันระดับสูงสุด
เรื่องราวของการแข่งขันนี้ยังคงเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอล ไม่เพียงเพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แต่ยังเป็นเพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความดุเดือดและความยิ่งใหญ่ของแชมเปียนส์ลีก ซึ่งเป็นเวทีที่นักเตะและทีมต่างมุ่งหวังที่จะสร้างชื่อเสียงและประวัติศาสตร์ของตนเอง