The Abandoned Milan Derby (2005)

เรื่องอื้อฉาวที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีก: มิลานดาร์บี้ที่ถูกยกเลิก (2005)

ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลที่ยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราว การแข่งขันดาร์บี้ระหว่างสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งเมืองมิลานอย่าง อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน มักเต็มไปด้วยความดุเดือดและเข้มข้น แต่หนึ่งในเหตุการณ์ที่ยังคงถูกพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องอื้อฉาวในการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2005 ที่สนามซานซิโร่ เมื่อบรรยากาศการแข่งขันที่เคยเป็นเพียงความตื่นเต้นของกองเชียร์ กลับกลายเป็นความโกลาหลที่ไม่อาจควบคุมได้

ในรอบก่อนรองชนะเลิศ นัดที่สองของการแข่งขัน เอซี มิลาน เป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างมากหลังจากชนะ 2-0 ในนัดแรก พวกเขากำลังนำอีกครั้งด้วยสกอร์ 1-0 จากประตูของ อันเดร เชฟเชนโก้ ในช่วงต้นครึ่งแรก ดูเหมือนว่าเส้นทางของพวกเขาสู่รอบรองชนะเลิศจะราบรื่น แต่ทุกอย่างพลิกผันอย่างคาดไม่ถึง เมื่อทีมอินเตอร์ มิลาน ได้ประตูจากการยิงของ เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ แต่ประตูนั้นถูกตัดสินให้ไม่เป็นผล เนื่องจากผู้ตัดสินมองว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้นในกรอบเขตโทษ ความไม่พอใจจากฝั่งอินเตอร์ทำให้ความวุ่นวายเริ่มก่อตัวขึ้น

สิ่งที่ตามมาคือภาพที่ไม่มีใครลืมได้ แฟนบอลอินเตอร์ที่โกรธแค้นต่อการตัดสิน เริ่มปาพลุไฟและข้าวของลงมาจากอัฒจันทร์ หนึ่งในพลุเหล่านั้นพุ่งเข้ามาปะทะกับ ดิด้า ผู้รักษาประตูชาวบราซิลของเอซี มิลานที่กำลังยืนคุมเส้นในขณะนั้น ความเจ็บปวดของดิด้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ทางกายภาพ แต่ยังเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการแตกหักของการแข่งขันที่เคยเป็นไปอย่างดุเดือดแต่ยังอยู่ในขอบเขตของกีฬา

แม้ว่าเจ้าหน้าที่สนามจะพยายามเข้ามาควบคุมสถานการณ์ แต่ความโกลาหลนั้นกลับยิ่งทวีความรุนแรง จนกระทั่งผู้ตัดสินตัดสินใจยุติการแข่งขันทันที การแข่งขันถูกยกเลิกท่ามกลางความสับสนและความผิดหวังของทั้งสองฝั่ง แต่ในที่สุด คณะกรรมการของยูฟ่าก็ตัดสินให้ เอซี มิลาน เป็นฝ่ายชนะด้วยสกอร์ 3-0 ตามกฎการแข่งขัน พวกเขาได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ขณะที่อินเตอร์ มิลานถูกปรับเงินถึง 132,000 ปอนด์ และยังต้องลงเล่นในเกมยุโรปถัดไปอีกสี่นัดโดยไม่มีผู้ชมเข้าชมในสนาม

การลงโทษที่อินเตอร์ได้รับนั้นเป็นการตอบโต้ต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของแฟนบอลที่ทำลายความสงบของการแข่งขันในระดับสูงเช่นนี้ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้แชมเปี้ยนส์ลีกในปีนั้นเป็นที่จดจำ ไม่เพียงแค่เพราะการเล่นของทั้งสองทีม แต่ยังเพราะความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากฝูงชน

หลังจากเหตุการณ์นี้ ฟุตบอลยุโรปได้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความปลอดภัยและการจัดการกองเชียร์ในสนามอย่างมาก ยูฟ่าได้เพิ่มมาตรการควบคุมแฟนบอลที่เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย การตรวจเข้มงวดก่อนเข้าสนาม รวมถึงการลงโทษทีมที่ไม่สามารถควบคุมกองเชียร์ได้

นอกจากเรื่องของการแข่งขันแล้ว เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึงความหลงใหลที่แฟนบอลมีต่อทีมของพวกเขา บางครั้งความหลงใหลนี้กลับกลายเป็นความคลั่งไคล้ที่เกินขอบเขตและก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็น เรื่องราวของการยกเลิกมิลานดาร์บี้ในปี 2005 จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการแข่งขันฟุตบอล แต่ยังเป็นบทเรียนที่สอนให้ทุกฝ่ายได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ในเกมกีฬาที่มีแรงกดดันสูง

Similar Posts