หนึ่งในเหตุการณ์อื้อฉาวของแชมเปียนส์ลีก: ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารกระตุ้นในรอบชิงชนะเลิศ (1996)
การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกในปี 1996 ถูกจดจำไว้ในฐานะหนึ่งในรอบชิงชนะเลิศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและดราม่ามากที่สุดในยุโรป อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรยักษ์ใหญ่จากเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเพิ่งคว้าแชมป์ได้ในปีก่อนหน้า กลับมาในฐานะทีมเต็งที่มีความหวังสูงในการคว้าถ้วยรางวัลติดต่อกัน โดยมีผู้เล่นดาวรุ่งและนักเตะฝีมือดีเต็มทีม เช่น เอ็ดการ์ ดาวิดส์, พาทริค ไคลเวิร์ต และฟรังก์ เดอบัวร์
คู่ต่อสู้ของพวกเขา ยูเวนตุส สโมสรยักษ์ใหญ่จากอิตาลี ก็มาในฟอร์มที่ร้อนแรง นำโดยนักเตะระดับโลกอย่าง อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และ จานลูก้า วิอัลลี่ การแข่งขันที่กรุงโรมก็เป็นไปตามที่คาดหวัง เต็มไปด้วยความดุเดือด ตลอด 90 นาที ทั้งสองทีมเล่นได้อย่างสูสีจนจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 ทำให้ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งท้ายที่สุด ยูเวนตุสสามารถคว้าชัยไปได้
แต่ในอีกหลายปีถัดมา ความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันนี้กลับถูกบดบังด้วยข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้น ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่เขย่าวงการฟุตบอลอย่างรุนแรง ในปี 1998 เซเดเน็ค เซมัน ผู้จัดการทีมโรม่าในขณะนั้น ได้จุดประเด็นนี้ขึ้นมาเมื่อเขาแสดงความเห็นว่า “ฟุตบอลควรจะเลิกยุ่งกับยาเสียที” โดยเขาชี้เป้าไปที่สโมสรยูเวนตุสโดยตรง คำพูดนี้ก่อให้เกิดการสืบสวนครั้งใหญ่เกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้นในวงการฟุตบอลอิตาลี ซึ่งภายหลังถูกเปิดโปงว่ามีการใช้สารเพิ่มประสิทธิภาพกับนักเตะในหลายสโมสร
เรื่องนี้มาถึงจุดพีคเมื่อในปี 2004 ริคคาร์โด อากริโกลา แพทย์ประจำสโมสรยูเวนตุส ถูกศาลตัดสินให้รับโทษรอลงอาญาหลังจากพบว่าเขามีส่วนในการให้สารกระตุ้นแก่นักเตะระหว่างปี 1994 ถึง 1998 ข้อหานี้ถูกมองว่าเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของยูเวนตุส แม้ว่าภายหลังในปี 2005 อากริโกลา จะสามารถอุทธรณ์สำเร็จและลบล้างคำตัดสิน แต่ความเสียหายต่อชื่อเสียงของสโมสรและการแข่งขันรอบชิงในปี 1996 ก็ไม่สามารถแก้ไขได้
เหตุการณ์ดังกล่าวยังคงถูกกล่าวถึงจนถึงทุกวันนี้ ในวงการฟุตบอลอิตาลี เรื่องของการใช้สารกระตุ้นกลายเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีหลายสโมสรถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจใช้สารเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันเพื่อสร้างความได้เปรียบ เรื่องราวของยูเวนตุสในรอบชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีกปี 1996 กลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับการใช้สารกระตุ้นในวงการกีฬา ไม่เพียงแต่จะทำลายชื่อเสียงของสโมสรเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้วงการฟุตบอลอิตาลีต้องปรับเปลี่ยนและเคร่งครัดมากขึ้นในการตรวจสอบนักเตะเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการแข่งขัน
การใช้สารกระตุ้นในวงการฟุตบอลยุโรปเป็นปัญหาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงปี 1990s ที่มีการพบว่าหลายสโมสรใหญ่ ๆ มีการทดลองใช้ยาหรือสารบางชนิดเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกายของนักเตะ ทั้งในอิตาลี สเปน และฝรั่งเศส การถูกเปิดโปงในกรณีของยูเวนตุสจึงไม่เพียงเป็นข่าวใหญ่ของสโมสรเท่านั้น แต่ยังทำให้แฟนฟุตบอลทั่วโลกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในวงการกีฬา