หนึ่งในเหตุการณ์ที่ยังคงถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการฟุตบอลแชมเปียนส์ลีก คงหนีไม่พ้นการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายระหว่าง อาร์เซน่อล และ บาร์เซโลน่า ในปี 2011 หลังจากที่ทีมอาร์เซน่อลสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยม เอาชนะบาร์เซโลน่าไปได้ในนัดแรก 2-1 ทำให้พวกเขากุมความได้เปรียบอย่างมากในนัดที่สองที่สนามคัมป์นู แฟนบอลทั้งโลกต่างจับตามองการแข่งขันนี้ เพราะถือเป็นการเผชิญหน้ากันของสองทีมที่เล่นสไตล์ฟุตบอลต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาร์เซน่อลเน้นเกมรุกที่รวดเร็ว ส่วนบาร์เซโลน่าใช้การครองบอลที่สมบูรณ์แบบ ด้วยรูปแบบการเล่นที่เรียกว่า “ติกิ-ตากา”
ในช่วงครึ่งแรกของการแข่งขัน นัดที่สอง สถานการณ์ยังคงตึงเครียด เมื่อทั้งสองทีมต่างพยายามสร้างโอกาสในการทำประตู โดยสกอร์เสมอกันอยู่ที่ 1-1 อาร์เซน่อลยังคงอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ เนื่องจากพวกเขาชนะในนัดแรก และถ้าสกอร์ยังคงเสมอกัน พวกเขาจะเป็นฝ่ายเข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน
แต่อยู่ๆ ในนาทีที่ 56 การแข่งขันก็พลิกผันไปในทิศทางที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงของอาร์เซน่อลได้โอกาสยิงประตูในจังหวะที่บุกขึ้นไป แต่ทันใดนั้น กรรมการ มัสซิโม บูซัคก้า ก็เป่านกหวีดเพื่อล้ำหน้า ซึ่งฟาน เพอร์ซี่ ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงนกหวีดนั้น และยังคงยิงบอลไปที่ประตู อย่างไรก็ตาม ลูกยิงของเขาไม่ได้ถูกนับ แต่ที่ทำให้ทุกคนช็อกไปตามๆ กัน คือ บูซัคก้าได้แจกใบเหลืองที่สองให้กับฟาน เพอร์ซี่ ข้อหาถ่วงเวลา ซึ่งเป็นการตัดสินที่สร้างความไม่พอใจให้กับทีมอาร์เซน่อลและแฟนบอลทั่วโลก
การที่ฟาน เพอร์ซี่ถูกไล่ออกในเวลานั้น ทำให้อาร์เซน่อลเหลือผู้เล่น 10 คน บาร์เซโลน่ากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที พวกเขาใช้โอกาสนี้เข้าครองเกมอย่างสมบูรณ์ และสามารถทำประตูเพิ่มได้อีก 2 ลูก ทำให้พวกเขาชนะไป 3-1 และผ่านเข้าสู่รอบถัดไปด้วยสกอร์รวม 4-3
หลังจบเกม ฟาน เพอร์ซี่และผู้จัดการทีม อาร์แซน เวนเกอร์ ต่างออกมาแสดงความไม่พอใจกับการตัดสินอย่างรุนแรง ฟาน เพอร์ซี่กล่าวในสัมภาษณ์หลังเกมว่า “มันเป็นการตัดสินที่ไร้สาระที่สุดในชีวิตของผม ผมมีเวลาเพียงหนึ่งวินาทีเพื่อยิงบอล แล้วพวกเขาบอกว่าผมถ่วงเวลา คุณจะทำแบบนั้นได้อย่างไรในสนามที่มีผู้คนกว่า 95,000 คน?”
อาร์แซน เวนเกอร์ก็เช่นกัน เขาไม่เพียงแค่ตำหนิการตัดสินของกรรมการเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึงความรู้สึกของเขาที่ถูกทำลายโอกาสในการเข้ารอบว่า “เราเล่นได้ดี และมีโอกาส แต่การตัดสินนี้ทำให้ทุกอย่างพังลงในพริบตา” หลายคนเชื่อว่าการตัดสินในครั้งนั้นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออนาคตของอาร์เซน่อลในแชมเปียนส์ลีก เพราะพวกเขาไม่เคยเข้าใกล้การคว้าแชมป์ได้อีกเลยหลังจากนั้น
แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะผ่านมาหลายปี แต่ก็ยังเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในประวัติศาสตร์ฟุตบอลแชมเปียนส์ลีก การตัดสินใบเหลืองที่สองของฟาน เพอร์ซี่กลายเป็นประเด็นถกเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะแฟนบอลจำนวนมากยังคงเชื่อว่าหากฟาน เพอร์ซี่ไม่ถูกไล่ออก เกมอาจจะมีบทสรุปที่ต่างออกไป