ในขณะที่ยูฟ่าตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อจากยูโรเปียนคัพเป็นแชมเปียนส์ลีก เพื่อเปิดทางให้เกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ของการแข่งขันระดับสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป หลายคนอาจคาดหวังว่านี่จะเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่สวยงามและราบรื่น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับมาร์กเซยในปี 1993 กลับทำให้ความหวังเหล่านั้นพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
มาร์กเซยก้าวเข้าสู่การแข่งขันด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และในรอบชิงชนะเลิศพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเอซี มิลาน ทีมยักษ์ใหญ่จากอิตาลี ซึ่งการเอาชนะทีมนี้ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก แต่มาร์กเซยสามารถทำประตูได้หนึ่งลูก ชัยชนะครั้งนี้ทำให้พวกเขาครองถ้วยแชมป์ยูโรปอย่างภาคภูมิใจ และนี่ควรจะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่มีใครคาดคิด นอกจากข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารกระตุ้นที่รุนแรงแล้ว ยังมีการเปิดเผยว่ามาร์กเซยได้มีการติดสินบนคู่แข่งในเกมลีกฝรั่งเศสเพื่อให้พวกเขา “อ่อนข้อ” ให้ โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในแมตช์ที่มาร์กเซยต้องเจอกับวาล็องเซียนส์ในดิวิชั่น 1 ก่อนการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศแชมเปียนส์ลีก ฌอง-ฌัก เอเดลี่ กองกลางของมาร์กเซย ได้ติดต่อผู้เล่นวาล็องเซียนส์หลายคน โดยเสนอสินบนเพื่อให้พวกเขาเล่นแบบไม่เต็มที่ เพื่อให้มาร์กเซยรักษาความสดและพร้อมสำหรับรอบชิงชนะเลิศที่สำคัญกับเอซี มิลาน
อย่างไรก็ตาม ฌัก กลาสมาน หนึ่งในผู้เล่นวาล็องเซียนส์ไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ เขาตัดสินใจเปิดเผยความจริง ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นทันที ทันใดนั้น ความสำเร็จของมาร์กเซยในสนามก็ถูกทำให้มัวหมองด้วยข่าวฉาวโฉ่นี้ แม้ว่าพวกเขาจะยังคงรักษาถ้วยแชมเปียนส์ลีกไว้ได้ แต่ลีกฝรั่งเศสกลับตัดสินใจยึดแชมป์ดิวิชั่น 1 คืนจากพวกเขาและทำการลดชั้นสโมสรลง
ประธานสโมสรในขณะนั้น เบอร์นาร์ด ตาปี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทีม ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการทุจริตครั้งนี้ เช่นเดียวกับ เอเดลี่ ทั้งสองคนถูกตัดสินโทษจำคุก ซึ่งเป็นจุดจบที่น่าเศร้าสำหรับผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำพาทีมสู่ความยิ่งใหญ่
เรื่องอื้อฉาวของมาร์กเซยในปี 1993 จึงไม่เพียงแต่เป็นความล้มเหลวของสโมสร แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงและผลกระทบของการกระทำที่ผิดศีลธรรมในโลกฟุตบอล