สนามกีฬาฟุตบอลโลก 2018 – รายชื่อสนามที่ยิ่งใหญ่
การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียเป็นเหตุการณ์สำคัญในโลกกีฬา ที่ดึงดูดแฟน ๆ นับล้านจากทั่วโลก สนามกีฬาฟุตบอลโลก 2018 ที่ใช้ในการแข่งขันไม่ได้เป็นเพียงแค่สนามสำหรับการแข่งที่น่าตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำหรับการพบปะที่น่าจดจำนี้อีกด้วย
จากสนามกีฬาประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมจนถึงสนามกีฬาที่มีการออกแบบสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย สนามกีฬาฟุตบอลโลก 2018 ทั้งหมดแต่ละแห่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศที่น่าจดจำซึ่งกำหนดการแข่งขันฟุตบอลโลก ในบทความนี้ เราจะสำรวจสนามกีฬาที่ใช้ในการจัดงานฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เจาะลึกคุณสมบัติและเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังแต่ละแห่ง
สนามกีฬาฟุตบอลโลก 2018 ที่มีชื่อเสียงในรัสเซีย
การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ซึ่งจัดขึ้นที่รัสเซียเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่ครองใจผู้คนนับล้าน ทัวร์นาเมนต์นี้ถูกจัดขึ้นใน 12 สนามกีฬาใน 11 เมือง โดยแต่ละสนามกีฬาในรัสเซียสำหรับฟุตบอลโลก 2018 ได้นำเสนอรสชาติและประวัติศาสตร์เฉพาะตัวในการแข่งขันครั้งนี้
1. สนามกีฬาลุซนิกิ – มอสโก
สนามกีฬาลุซนิกิในมอสโกไม่เพียงแต่เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียที่มีความจุ 81,000 ที่นั่ง แต่ยังเป็นศูนย์กลางของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 สนามกีฬารอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 นี้ยังได้เป็นเจ้าภาพในเกมเปิดสนาม รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศที่ฝรั่งเศสคว้าชัยชนะเหนือโครเอเชียอีกด้วย
2. สนามกีฬาซังต์ปีเตอร์เบิร์ก – ซังต์ปีเตอร์เบิร์ก
หรือที่รู้จักกันในชื่อสนามกีฬาครอสตอฟสกี สนามกีฬาแห่งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่ตั้งอยู่บนเกาะครอสตอฟสกีในซังต์ปีเตอร์เบิร์ก ด้วยความจุ 68,000 ที่นั่ง เป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1.1 พันล้านดอลลาร์ สนามกีฬาแห่งนี้ได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขันหลายเกมสำคัญ รวมถึงรอบรองชนะเลิศ และเป็นที่รู้จักกันดีจากหลังคาที่เปิดปิดได้และสนามหญ้าที่สามารถเลื่อนได้ ทำให้เหมาะสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากฟุตบอล
3. สนามกีฬาโอลิมปิกฟิชต์ – โซชี
สร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2014 สนามกีฬาโอลิมปิกฟิชต์ในโซชีถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามฟุตบอลสำหรับฟุตบอลโลก สนามกีฬาแห่งนี้ตั้งชื่อตามภูเขาฟิชต์ในเทือกเขาคอเคซัส โดยมีความจุ 44,000 ที่นั่ง และได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 6 เกม รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ การออกแบบของสนามกีฬาได้รับแรงบันดาลใจจากยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมของภูเขาที่มีชื่อเดียวกัน โดยมีหลังคาโพลีคาร์บอเนตใสที่ส่องแสงอย่างน่าประทับใจในเวลากลางคืน
4. สนามกีฬาคาซาน อารีน่า – คาซาน
สนามกีฬาคาซาน อารีน่าเป็นที่รู้จักจากจอภาพ HD ขนาดยาว 120 เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในสนามกีฬาทั่วโลก ด้วยความจุ 45,000 ที่นั่ง สนามกีฬาแห่งนี้ได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 6 เกม รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ การออกแบบที่โดดเด่นของสนามกีฬานี้คล้ายกับดอกบัวน้ำ ซึ่งเป็นการอ้างอิงถึงชื่อเสียงของคาซานในฐานะ “เมืองหลวงกีฬาแห่งรัสเซีย” คาซาน อารีน่ายังเป็นสนามเหย้าของทีมรูบิน คาซานในรัสเซียน พรีเมียร์ ลีก อีกด้วย
5. สนามกีฬาสปาร์ตัก – มอสโก
สนามกีฬาสปาร์ตักในมอสโก เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลสปาร์ตัก มอสโก โดยมีความจุ 45,360 ที่นั่ง สนามกีฬาแห่งนี้มีชื่อเสียงจากการออกแบบภายนอกที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมีแผงเพชรหลายร้อยชิ้นที่เปลี่ยนสีได้เพื่อแสดงถึงทีมเหย้าหรือกิจกรรมอื่น ๆ สนามกีฬาแห่งนี้ได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 5 เกมในฟุตบอลโลก รวมถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่น่าตื่นเต้นระหว่างโคลอมเบียและอังกฤษ
6. สนามกีฬานิจนีนอฟโกรอด – นิจนีนอฟโกรอด
สนามกีฬาแห่งนี้สร้างขึ้นใหม่สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำโวลกาและแม่น้ำโอคา ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงามของภูมิประเทศโดยรอบ ด้วยความจุ 45,000 ที่นั่ง สนามกีฬานิจนีนอฟโกรอดได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 6 เกม รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ การออกแบบของสนามกีฬาได้รับแรงบันดาลใจจากสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของภูมิภาค โดยมีสีฟ้าและขาวที่สะท้อนถึงแม่น้ำที่อยู่ใกล้เคียง
7. สนามกีฬาโรสตอฟ อารีน่า – โรสตอฟ ออน ดอน
สนามกีฬาโรสตอฟ อารีน่าตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำดอน โดยมีความจุ 45,000 ที่นั่ง และถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับฟุตบอลโลก 2018 สิ่งที่โดดเด่นของสนามกีฬาแห่งนี้คืออัฒจันทร์ที่มีความไม่สมมาตร ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ชมได้มองเห็นทิวทัศน์ของแม่น้ำและเส้นขอบฟ้าของเมืองได้อย่างเต็มที่ สนามกีฬาโรสตอฟ อารีน่าได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 5 เกมในทัวร์นาเมนต์ รวมถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เบลเยียมชนะญี่ปุ่นในแมตช์ที่ตื่นเต้นเร้าใจ
8. สนามกีฬาซามารา อารีน่า – ซามารา
สนามกีฬาซามารา อารีน่า หรือที่รู้จักกันในชื่อคอสมอส อารีน่า เป็นหนึ่งในสนามกีฬาที่มีความโดดเด่นที่สุดในฟุตบอลโลก 2018 การออกแบบสนามกีฬาให้คล้ายกับยานอวกาศ เป็นการอ้างอิงถึงอุตสาหกรรมอวกาศของภูมิภาคนี้ สนามกีฬามีความจุ 45,000 ที่นั่ง และได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 6 เกม รวมถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ และการออกแบบที่ล้ำยุคทำให้สนามกีฬานี้กลายเป็นแลนด์มาร์คของซามารา
9. สนามกีฬามอร์โดเวีย อารีน่า – ซารานสค์
สนามกีฬามอร์โดเวีย อารีน่า ซึ่งมีความจุ 44,442 ที่นั่ง ตั้งอยู่ในเมืองซารานสค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพที่เล็กที่สุดของฟุตบอลโลก สนามกีฬาแห่งนี้มีสีสันสดใสด้วยสีส้ม แดง และขาว ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นและงานศิลปหัตถกรรมดั้งเดิมของภูมิภาค สนามกีฬามอร์โดเวีย อารีน่าได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 4 เกมในทัวร์นาเมนต์
10. สนามกีฬาวอลโกกราด อารีน่า – วอลโกกราด
สนามกีฬาวอลโกกราด อารีน่าถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ของสนามกีฬาเซ็นทรัลเก่า ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำโวลกาและอนุสรณ์สถานสงครามมามาเยฟ คูร์กัน สนามกีฬาที่มีความจุ 45,568 ที่นั่งมีลักษณะโดดเด่นด้วยโครงสร้างด้านหน้าที่มีลวดลาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายดั้งเดิมของรัสเซีย สนามกีฬาแห่งนี้ได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 4 เกมในฟุตบอลโลก
11. สนามกีฬาเยคาเตรินเบิร์ก อารีน่า – เยคาเตรินเบิร์ก
สนามกีฬาเยคาเตรินเบิร์ก อารีน่า ซึ่งมีความจุ 35,000 ที่นั่ง เป็นสนามกีฬาที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกมากที่สุดของฟุตบอลโลก 2018 สิ่งที่ทำให้สนามกีฬาแห่งนี้มีความโดดเด่นคือที่นั่งชั่วคราวที่ขยายออกไปนอกโครงสร้างเดิมเพื่อให้ตรงตามข้อกำหนดขั้นต่ำของฟีฟ่า แม้ว่าจะมีรูปลักษณ์ที่แปลกตา แต่สนามกีฬาเยคาเตรินเบิร์ก อารีน่าก็สามารถเป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 4 เกมได้อย่างประสบความสำเร็จ นำความตื่นเต้นของฟุตบอลโลกมาสู่ภูมิภาคอูราล
12. สนามกีฬาคาลินินกราด – คาลินินกราด
ตั้งอยู่บนเกาะออกเตียเบรสกี สนามกีฬาคาลินินกราดเป็นสนามกีฬาที่เล็กที่สุดของฟุตบอลโลก 2018 โดยมีความจุ 35,000 ที่นั่ง สนามกีฬาแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับทัวร์นาเมนต์และได้เป็นเจ้าภาพในการแข่งขัน 4 เกม การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากสนามกีฬาอัลลิอันซ์ อารีน่าในมิวนิค โดยมีโครงสร้างที่เรียบง่ายแต่งดงามซึ่งเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศทางประวัติศาสตร์ของเมือง
บทสรุป
การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียไม่ได้เป็นเพียงการเฉลิมฉลองฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความงดงามของสถาปัตยกรรม สนามกีฬาฟุตบอลโลก 2018 ทั้งหมดที่ใช้ในการแข่งขันได้สร้างช่วงเวลาที่น่าจดจำ มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของการแข่งขัน และทิ้งมรดกที่ยั่งยืนให้กับรัสเซียและโลกของฟุตบอลอีกด้วย แต่ละสนามกีฬาได้นำเสนอสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่หลากหลายของประเทศเจ้าภาพ